สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่อ่อนแอ และนักลงทุนไม่มั่นใจในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างจีนกับสหรจัฐ ทางด้านปอนด์แกว่งตัวผันผวนเมื่อวานนี้ และทรงตัวในช่วงเช้าวันนี้ ในขณะที่อังกฤษกับสหภาพยุโรป (อียู) เร่งหาทางทำข้อตกลงเบร็กซิท ให้ได้ก่อนเส้นตาย
ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.04% สู่ 108.79 เยนในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้น 0.09% สู่ 1.1080 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.01% สู่ 97.996 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือนที่ 97.898 เมื่อวานนี้ ทั้งนี้ ปอนด์พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 5 เดือนที่ 1.2877 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ และทรงตัวอยู่ที่ 1.2821 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้
ปอนด์พุ่งขึ้นมาแล้วราว 5% นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่อังกฤษกับอียูเร่งเจรจาต่อรองกันเรื่องเบร็กซิท ก่อนที่ผู้นำอียูจะจัดการประชุมสุดยอดกันที่กรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ นายนิค ไวเดล จากบริษัท Xchainge คาดว่า ปอนด์จะได้รับแรงหนุน ถ้าหากอังกฤษสามารถหลีกเลี่ยงจากการถอนตัวออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลง และเขาคาดว่าปอนด์อาจจะพุ่งขึ้นเหนือ 1.3500 ดอลลาร์ได้ ถ้าหากมีการบรรลุข้อตกลงเบร็กซิท ทางด้านนายริชาร์ด เกรซ นักวิเคราะห์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลียคาดว่า ปอนด์อาจจะดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.2200 ดอลลาร์ ถ้าหากไม่มีการบรรลุข้อตกลง
ดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.36% สู่ 0.6787 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ และถือเป็นสกุลเงินที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในวันนี้ หลังจากอัตราการว่างงานในออสเตรเลียร่วงลง และสิ่งนี้บ่งชี้ว่ามีโอกาสน้อยลงที่ธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในเดือนพ.ย.
ดอลลาร์สหรัฐเพิ่งร่วงลงเมื่อวานนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐหดตัวลง 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
