‘ไทย-อียู’ เตรียมลงนามหุ้นส่วนความร่วมมือรอบด้าน-ฟื้นคุยเอฟทีเอ

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสไทย-สหภาพยุโรปว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา นายศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ อธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสไทย–สหภาพยุโรป ครั้งที่ 14 ร่วมกับนาง Paola Pampaloni รองอธิบดีกรมเอเชียและแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (European External Action Service – EEAS) ณ กระทรวงการต่างประเทศสหภาพยุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม โดยมีนายมนัสวี ศรีโสดาพล เอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ นาย Pirkka Tapiola เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ของไทยและสหภาพยุโรปเข้าร่วมด้วย

 

น.ส.บุษฎีกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันถึงแนวทางการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-สหภาพยุโรป ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทยสหภาพยุโรป และการลงนามร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Partnership and Cooperation Agreement – PCA) ภายหลังจากที่ประชุมคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม มีมติที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับไทยในด้านต่างๆ ให้มากขึ้น

 

Advertisement

น.ส.บุษฎีกล่าวต่อว่า ไทยและสหภาพยุโรปยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการเมืองและสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีไทยสหภาพยุโรปให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา  ความร่วมมือด้านความมั่นคง และความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนนโยบายประเทศไทย 4.0 และโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับ การพัฒนาความร่วมมือผ่านกรอบการหารือไทยสหภาพยุโรป ในด้านต่างๆ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย แรงงาน การบินพลเรือน และการเจรจาข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ               ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า ฝ่ายสหภาพยุโรปได้แสดงความชื่นชมต่อความก้าวหน้าของไทยในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การคุ้มครองสิทธิแรงงาน ตลอดจนการป้องกันการค้ามนุษย์

 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือในกรอบภูมิภาค โดยสหภาพยุโรปแสดงความชื่นชมบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ ซึ่งมีส่วนช่วยขับเคลื่อนให้ความสัมพันธ์อาเซียนกับสหภาพยุโรปแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดตั้ง ASEAN IUU Networkขณะที่ฝ่ายไทยเน้นการส่งเสริมให้สหภาพยุโรปเข้ามามีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในภูมิภาค และสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogues)

Advertisement

          

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันที่จะส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นระหว่างประเทศ อาทิ           การยึดมั่นต่อระบบพหุภาคี การเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน  การพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียกับยุโรป ความร่วมมือ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบอย่างยั่งยืน โดยฝ่ายไทยได้ย้ำเจตนารมณ์ในการส่งเสริมประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตามกฎกติกาสากลระหว่างประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image