ส่องตลาดน้ำมันนิวยอร์ค น้ำมันดิบพุ่งขึ้น 2.7% ขณะสต็อกน้ำมันดิ่งลง

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นราว 2.7% ในวันพุธ หลังจากรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐดิ่งลงอย่างพลิกความคาดหมาย และมีแนวโน้มว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับชาติพันธมิตรจะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.7% มาปิดตลาดที่ 55.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2.5% สู่ 61.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ต.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบดิ่งลง 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ 433.2 ล้านบาร์เรล ถึงแม้นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจพุ่งขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล และถึงแม้การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เพิ่งรายงานในวันอังคารว่า สต็อกน้ำมันดิบทะยานขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ EIA ยังรายงานอีกด้วยว่า อัตราการกลั่นน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 429,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 15.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนอัตราการนำเข้าน้ำมันดิบสุทธิดิ่งลง 873,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 2.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นสถิติต่ำสุด ในขณะที่อัตราการส่งออกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 435,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งใกล้กับสถิติสูงสุด

นายยีน แมคจิลเลียน รองประธานฝ่ายวิจัยตลาดของบริษัทเทรดิชัน เอ็นเนอร์จีกล่าวว่า การดิ่งลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเกิดจากปัจจัยชั่วคราว ซึ่งรวมถึงการปรับเพิ่มอัตราการกลั่นน้ำมัน แต่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน อย่างเช่นการพุ่งขึ้นของอุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนก็ยังคงกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลก หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงในจีนและยุโรป ทั้งนี้ EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินดิ่งลง 3.1 ล้านบาร์เรล สู่ 223.1 ล้านบาร์เรล ถึงแม้นักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล

Advertisement

กลุ่มโอเปกกำลังพิจารณาว่า ทางกลุ่มจะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันในอัตราที่รุนแรงยิ่งขึ้นหรือไม่ ในขณะที่มีความกังวลเรื่องอุปสงค์อ่อนแอในปีหน้า ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกกับชาติพันธมิตรจะประชุมกันในวันที่ 5-6 ธ.ค.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image