เมื่อวันที่ 4 พฤศจิากยน บีบีซีและเว็บไซต์อินไซเดอร์ รายงานว่า บริษัท ไมโครซอฟท์ ญี่ปุ่น แถลงว่า หลังจากทดลองให้พนักงานทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ปรากฏว่าประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานเพิ่มขึ้นเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงการทดสอบให้พนักงานหยุดเพิ่มอีกทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
การทดลองดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เวิล์ก ไลฟ์ ชอยซ์ ชาลเลนจ์ 2019 ซัมเมอร์” ของไมโครซอฟท์ ที่จะทำการพิจารณาเกี่ยวกับความสมดุลย์ระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตในช่วงฤดูร้อน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างสรรค์และเพื่อเพิ่มผลผลิต โดยให้พนักงานมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น
หลังจากไมโครซอฟท์ ญี่ปุ่น ให้พนักงานได้หยุดเพิ่มวันศุกร์อีกวัน นอกจากวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พบว่า ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 39.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคมปี 2018 ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำเต็มเวลายังคงได้ค่าจ้างจากช่วงเวลาที่หายไปด้วย นอกจากนี้ ยังกำหนดว่าการประชุมแต่ละครั้ง จะต้องไม่เกิน 30 นาที และมุ่งเน้นไปที่การหารือผ่านทางออนไลน์ แทนที่จะต้องมานั่งเจอหน้ากันเพื่อคุยกัน
ไมโครซอฟท์ ญี่ปุ่น ระบุว่า หลังจากการทดสอบหยุด 3 วันต่อสัปดาห์เป็นเวลา 1 เดือน ปรากฏว่ามีพนักงานถึง 92 เปอร์เซ็นต์ที่ชื่นชอบในโครงการดังกล่าว และในช่วง 1 เดือนของการทดสอบพบว่า มีการใช้ไฟฟ้าในบริษัทลดลงถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ใช้กระดาษพิมพ์งานลดลง 59 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับตัวเลขเมื่อเดือนสิงหาคม 2018
ไมโครซอฟท์ ญี่ปุ่น แจ้งด้วยว่า มีแผนที่จะทดสอบโครงการนี้อีกในช่วงฤดูหนาว แต่จะไม่จ่ายเงินพิเศษสำหรับการหยุดเหมือนเดิม และจะสนับสนุนให้พนักงานได้พักผ่อนอย่างชาญฉลาด
บีบีซีรายงานว่า ญี่ปุ่นมีบริษัทบางแห่งที่ถือว่ามีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานที่สุดในโลก โดยเมื่อปี 2017 มีการทำการสำรวจพบว่า เกือบ 1 ใน 4 ของบริษัทในญี่ปุ่น มีพนักงานที่ต้องทำงานล่วงเวลามากกว่า 80 ชั่วโมงต่อเดือน
ขณะที่อินไซเดอร์ รายงานโดยอ้างซีเอ็นบีซีว่า ไมโครซอฟท์ไม่ใช่บริษัทแรกที่มุ่งเน้นเพิ่มผลิตผลจากการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ โดยนายแอนดรูว์ บาร์นส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เพอร์เพช่วล การืเดน บริษัทวางแผนด้านอสังหาริมทรัพย์ของนิวซีแลนด์ ได้เคยทำการทดลองแบบเดียวกันมาแล้ว และพบว่า ได้ผลกำไรทั้งต่อตัวพนักงานเองและบริษัท และได้กำหนดให้พนักงานทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ตลอดหลังจากนั้น
