คองเกรสนัด “ถ่ายทอดสด” สอบ “ทรัมป์”

(Photo by Eric BARADAT / AFP)

สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน นาย อดัม ชิฟฟ์ ประธานกรรมาธิการข่าวกรอง สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการดำเนินกระบวนการถอดถอน หรือ อิมพีชเมนต์ จากประธานสภาฯ แถลงกำหนดการไต่สวนและซักถามข้อเท็จจริงเพื่อการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเริ่มการสอบสวนอย่างเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และเปิดให้ส.ส.ทั้งของพรรครีพับลิกันและเดโมแครต รวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานของส.ส.แต่ละคนสามารถซักถาม ซักค้านต่อพยานที่เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมได้ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยเริ่มจากผู้ที่ถูกเรียกตัวเข้าให้ปากคำชุดแรก 2 คน ประกอบด้วย นาย วิลเลียม เทย์เลอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำยูเครน และ นายจอร์จ เคนท์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศประจำสำนักงานยุโรปและยูเรเซีย โดยคาดว่า การให้ปากคำของนายเทย์เลอร์จะใช้เวลา 2 วันซึ่งจะทำให้การให้ปากคำของนายเคนท์สามารถเริ่มต้นได้ในวันที่ 13 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

บุคคลทั้งสองเคยเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการเป็นการลับมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เป็นการสอบสวนปกปิดภายในคณะกรรมาธิการ ทั้งนี้ในระหว่างการให้ปากคำดังกล่าว นายเทย์เลอร์ กล่าวหาว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจในตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างบิดเบือนโดยการระงับการปล่อยเงินงบประมาณสำหรับให้ความช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐอเมริกาต่อยูเครน ทั้งนี้เพื่อให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนขุดคุ้ยเรื่องสกปรกของคู่แข่งทางการเมืองให้กับตน ในขณะที่นายเคนท์ เคยให้ปากคำว่า ตนในฐานะหัวหน้าสำนักงานกิจการยุโรและยูเรเซีย เคยแสดงความวิตกต่อการดำเนินความพยายามของทำเนียบขาวของทรัมป์เพื่อถอดถอน นาง มารี โยวาโนวิช ซึ่งในเวลานั้นดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำยูเครนพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว นางโยวาโนวิชเอง ให้ปากคำเป็นการลับก่อนหน้านี้ว่า ตนถูกโยกพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวเนื่องจาก นายรูดี จูเลียนี ทนายและที่ปรึกษาส่วนตัวของทรัมป์ ต้องการเขี่ยให้พ้นทาง เพราะต้องการดำเนินนโยบายต่อยูเครนด้วยวิธีการที่อยู่นอกเหนือช่องทางทางการทูต

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเผยแพร่เอกสารถอดความการให้ปากคำดังกล่าวออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าการให้ปากคำเปิดเผยและมีการถ่ายทอดสดครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความเห็นของสาธารณชนอเมริกันได้มากขึ้น นายชิฟฟ์ เองระบุว่า การไต่สวนเปิดเผยครั้งนี้ก็เพื่อให้สังคมได้มีโอกาสรับรู้เหตุการณ์การใช้อำนาจอย่างบิดเบือนและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเอง สามารถประเมินความน่าเชื่อถือและตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อได้ด้วยตัวเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image