ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ลงนามในร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส ซึ่งให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายอย่างสมบูรณ์แล้วเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามเวลาในสหรัฐ
ภายใต้กฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐต้องทำการทบทวนอย่างน้อยเป็นประจำทุกปี ว่าฮ่องกงยังมีอิสระในการปกครองตนเองเพียงพอที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหรัฐ ซึ่งจะช่วยรักษาสถานะของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของโลกหรือไม่ นอกจากนี้ยังขู่ที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงอีกด้วย
ทรัมป์ออกแถลงการณ์ระบุว่า เขาลงนามในกฎหมายดังกล่าวด้วยความเคารพต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประชาชนชาวฮ่องกง กฎหมายฉบับนี้มีขึ้นด้วยความหวังว่าผู้นำและตัวแทนของจีนและฮ่องกงจะสามารถหาทางสร้างความเป็นมิตรและแก้ไขความเห็นที่แตกต่าง เพื่อนำไปสู่สันติภาพและความมั่งคั่งสำหรับทุกฝ่าย
ก่อนหน้านี้ทางการจีนประกาศไม่ยอมรับร่างกฎหมายดังกล่าวของสหรัฐ โดยระบุว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน โดยจีนได้เรียกทูตสหรัฐประจำประเทศจีนไปรับหนังสือประท้วงในเรื่องดังกล่าว พร้อมกับขู่ว่าหากสหรัฐประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ก็จะต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบที่จะตามมาด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายมองว่ากฎหมายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับฮ่องกง และทำให้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะของฮ่องกงไปเป็นเช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ในจีนเท่านั้น ด้านนักวิเคราะห์มองว่าที่สุดแล้วการลงนามในกฎหมายนี้ของทรัมป์อาจเป็นความพ่ายแพ้ของสหรัฐเอง ซึ่งได้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับการทำธุรกิจในฮ่องกง