นักเคลื่อนไหวกว่า 100 คนที่ออกมาประท้วงต่อต้านกฎหมายพลเมืองฉบับใหม่ของอินเดีย ได้รับบาดเจ็บในเหตุปะทะที่เกิดขึ้นในกรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและกระบองเพื่อสลายการชุมนุมในมหาวิทยาลัย
ภายใต้กฎหมายใหม่ดังกล่าวที่เสนอโดยรัฐบาลจะช่วยปกป้องชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาอื่นๆ อาทิ ฮินดูและคริสเตียน จากการข่มเหงรังแกในประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศ ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน ด้วยกันเปิดทางให้ได้รับสถานะเป็นพลเมืองอินเดีย แต่นักวิจารณ์มองว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ได้เปิดทางให้กับชาวมุสลิมเช่นเดียวกัน
การประท้วงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมาถือเป็นการประชุมต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 5 หลังมีการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ และเป็นการประท้วงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในกรุงนิวเดลี
รายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามควบคุมผู้ประท้วงหลายพันคนซึ่งมีชาวบ้านและนักศึกษาอยู่ด้วยในมหาวิทยาลัยทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเดลี ก่อนที่จะเกิดเหตุปะทะกันขึ้นโดยเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่ากลุ่มผู้ประท้วงได้จุดไฟเผารถเมล์ รถยนต์ และมอเตอร์ไซด์ในบริเวณดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลท้องถิ่น 2 แห่งระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุปะทะมากกว่า 100 คน จนทำให้โรงพยาบาลขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างพอ
ด้านมหาวิทยาลัยระบุว่าตำรวจบุกเข้ามาภายในมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่นักเรียนและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยถูกทำร้ายร่างกายและบังคับให้ออกจากพื้นที่ แต่ตำรวจอ้างว่าได้บุกเข้าไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นายจากเหตุปะทะกันครั้งนี้
