‘ไทย-โปรตุเกส’ หนุนขยายความร่วมมือทุกมิติ เร่งเพิ่มโอกาสการค้า-การลงทุน

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนโปรตุเกสอย่างเป็นทางการ ได้แถลงข่าวร่วมกับนายออกุชตู ซานตูช ซิลวา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโปรตุเกสหลังหารือทวิภาคีว่า ไทยและโปรตุเกสมีความสัมพันธ์ระหว่างกันยาวนานถึงกว่า 500 ปี การหารือในวันนี้เป็นการมองไปยังอนาคตว่าจะกระชับความสัมพันธ์และร่วมมือกันทำงานอย่างไรต่อไป เพื่อให้ทั้ง 2 ประเทศมีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ
นายดอนกล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนไทยได้เข้ามาลงทุนในโปรตุเกสมากขึ้นในสาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการบริการ อุตสาหกรรมทางด้านอาหาร การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ รวมถึงการลงทุนของปตท.สผ.ที่เข้ามาซื้อกิจการบริษัทพาร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของโปรตุเกส แน่นอนว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นไม่ใช่การลงทุนทางเดียว ไทยหวังว่าโปรตุเกสก็จะเข้ามาลงทุนในภูมิภาคของเรา โดยเฉพาะในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งนายซิลวาได้รับปากที่จะนำคณะนักธุรกิจโปรตุเกสมาเดินทางเยือนไทยในโอกาสแรกซึ่งอาจจะเป็นในปีหน้า เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันพร้อมกับดูลู่ทางการลงทุนในไทย ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะตั้งกลุ่มความร่วมมือในลักษณะเดียวกับสภาธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศ และสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายจะได้เร่งรัดเรื่องการจัดทำความตกลงต่างๆ พร้อมกับสาขาความร่วมมือที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้ต่อไปในอนาคต อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการดึงประเทศที่ 3 เข้ามามีส่วนในความร่วมมือกับไทย-โปรตุเกสในลักษณะ 3 ฝ่าย เรายังอยากเห็นการเพิ่มขึ้นของการติดต่อไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมถึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษา และจัดทำความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาเพิ่มมากขึ้น
นายดอนยังได้กล่าวขอบคุณโปรตุเกสที่ให้การสนับสนุนไทยทั้งในกรอบอาเซียน และในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป(อียู) ขณะนี้การจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับอียูใกล้จะเริ่มต้นการเจรจาขึ้น เช่นเดียวกับกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความร่วมมือ(พีซีเอ)ระหว่างไทยกับคณะกรรมาธิการยุโรป(อีซี)ที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อที่จะนำไปสู่การลงนามระหว่างกันต่อไป
ด้านนายซิลวากล่าวว่า การเดินทางเยือนโปรตุเกสของนายดอนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันสำคัญ หลังจากที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ระหว่างกันยาวนานกว่า 500 ปี และในปี 2563 นี้จะมีการเฉลิมฉลองโอกาสครบ 200 ปีที่พระมหากษัตริย์ไทยได้พระราชทานที่ดินสำหรับตั้งสถานเอกอัครราชทูตโปรตุเกสที่อยู่มาจนถึงปัจจุบัน โดยในปีหน้าจะมีการหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงระหว่างโปรตุเกสและไทย ขณะที่ตนก็จะหาโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อตอบแทนการเยือนของนายดอนในครั้งนี้เช่นกัน
นายซิลวากล่าวว่า โปรตุเกสได้เสนอให้มีการจัดทำความตกลงว่าด้วยเรื่องแรงงานกับไทย เนื่องจากได้ทราบว่าขณะนี้มีแรงงานไทยกว่า 1,000 คนที่เข้ามาทำงานในภาคเกษตรในโปรตุเกส การมีความตกลงในลักษณะดังกล่าวจึงมีความสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตรวจลงตราหนังสือเดินทาง การให้การดูแลทางด้านสุขภาพและสวัสดิการสังคมสำหรับแรงงานที่เข้ามาทำงานในโปรตุเกส
ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการค้าระหว่างไทยและโปรตุเกสเพิ่มสูงขึ้นถึง 37% ทั้งสองฝ่ายมีแนวทางที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากขึ้นอีกอย่างไร นายซิลวากล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนของไทยในโปรตุเกสเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทของไทยเข้ามาลงทุนทั้งในภาคการท่องเที่ยวและภาคการผลิต ซึ่งโปรตุเกสรู้สึกขอบคุณและต้อนรับนักลงทุนไทยด้วยความยินดี อย่างไรก็ดีแม้มูลค่าการค้าสองฝ่ายจะเพิ่มมากขึ้น แต่ตนเชื่อว่ายังมีโอกาสอีกมากที่ตัวเลขการค้าระหว่างกันจะเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากตัวเลขในปัจจุบันยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ การเข้ามาลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นของไทยถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นหนทางที่ดีที่จะช่วยเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต่อไปในอนาคต
นายซิลวากล่าวว่า ทั้งสองประเทศมีคณะทำงานเพื่อดูแลเรื่องการเร่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับความตกลงต่างๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ อาทิ ความตกลงยกเว้นภาษีซ้อนซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการประกอบธุรกิจระหว่างกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านดิจิตัลซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เนื่องจากโปรตุเกสและไทยต่างอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล โปรตุเกสยังอยากทำความร่วมมือที่ครอบคลุมกับไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทั้งในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมระหว่างกัน
นายซิลวากล่าวต่อว่า นอกจากความร่วมมือระหว่างสองประเทศแล้ว ตนยังเห็นถึงโอกาสในความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคี โดยโปรตุเกสเป็นสมาชิกของอียูซึ่งมีประชากรกว่า 500 ล้านคน ขณะที่ไทยเป็นสมาชิกของอาเซียนที่มีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน และอาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดภูมิภาคหนึ่ง ตนจึงเห็นว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศถือได้ว่ามีแนวโน้มที่สดใสอย่างยิ่ง
ขณะที่นายดอนกล่าวว่า จากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการค้าระหว่างไทยโปรตุเกส 37% ในปีนี้สิ่ง ที่ตนมั่นใจคือในปีต่อจากนี้ไป ตัวเลขดังกล่าวจะมีแต่เพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image