สำนักข่าวเอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ลงนามอนุมัติงบประมาณในการสร้าง “กองทัพอวกาศ” ของสหรัฐขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ในการเดินยุทธศาสตร์เชิงรุกในแนวรบใหม่ล่าสุดคือ ห้วงอวกาศ หลังจากเผชิญความท้าทายจากจีนและรัสเซียที่พัฒนาขีดความสามารถทางทหารก้าวหน้ามากขึ้น
โดยทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมายการให้อำนาจด้านกลาโหมแห่งชาติ(เอ็นดีเอเอ) 2020 ที่เปิดทางให้จัดสรรงบประมาณทางทหารประจำปีแก่เพนตากอน หรือ กระทรวงกลาโหมสหรัฐ มีมูลค่า 738,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นงบเบื้องต้นในปีแรก มีมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จัดสรรให้เพื่อสร้าง กองทัพอวกาศ ซึ่งจะเป็นกองทัพน้องใหม่ล่าสุดที่มีสถานะเทียบเท่า 5 เหล่าทัพของสหรัฐนั่นคือ กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ หน่วยนาวิกโยธิน และหน่วยยามฝั่ง
“ท่ามกลางภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติของเรา ความเหนือกว่าของอเมริกันในอวกาศย่อมเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง เราเป็นผู้นำ แต่เรายังนำไม่พอ แต่อีกไม่นาน เราจะนำโด่ง” ทรัมป์กล่าว
ด้านนายมาร์ค เอสเพอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในขีดความสามารถด้านอวกาศมีมากขึ้นและวันนี้อวกาศค่อยๆ พัฒนาไปสู่การเป็นอาณาเขตแห่งสงครามการต่อสู้ ซึ่งการธำรงไว้ซึ่งอำนาจครอบงำอาณาเขตนั้นไว้ของสหรัฐก็คือภารกิจของกองทัพอวกาศสหรัฐ
เอสเพอร์ยังเปรียบการสร้างกองทัพอวกาศสหรัฐ กับการตั้งกองทัพอากาศสหรัฐในปี 1947 ที่แยกตัวออกมาเป็นเอกเทศจากกองทัพบกสหรัฐในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
อย่างไรก็ดี กองทัพอวกาศสหรัฐ จะยังคงดำเนินงานอยู่ภายใต้กองทัพอากาศสหรัฐ เหมือนกับกองบัญชาการอวกาศสหรัฐ (สเปซ คอมมานด์) ที่ตั้งขึ้นมาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นทำงานด้านสงคราม คล้ายกับเซนต์คอม หรือกองบัญชาการส่วนภูมิภาคของเพนตากอน ขณะที่กองทัพอวกาศจะปฏิบัติภารกิจเช่น การฝึกอบรม การจัดหา การวางแผนระยะยาว และ หน้าที่อื่นๆ ซึ่งจะยังไม่มีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปในอวกาศ แต่กองทัพอวกาศจะทำหน้าที่ปกป้องทรัพย์สินของสหรัฐ เช่น ดาวเทียมสื่อสารและดาวเทียมสอดแนมของสหรัฐที่มีโคจรอยู่หลายร้อยดวง
บาร์บารา บาร์เร็ตต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกองทัพอากาศของสหรัฐ กล่าวว่า กองทัพอวกาศ จะประกอบด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศและเจ้าหน้าที่พลเรือนราว 16,000 นาย ที่บางส่วนประจำการอยู่ในกองบัญชาการอวกาศอยู่แล้ว โดยจะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพลเอกเจย์ เรย์มอนด์ แห่งกองทัพอากาศ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการอวกาศ
การเดินหน้าสร้างกองทัพอวกาศของรัฐบาลทรัมป์ยังมีขึ้นหลังจากสำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐระบุเตือนในรายงานที่เผยแพร่เมื่อช่วงต้นปีนี้ว่า จีนและรัสเซียต่างพัฒนาขีดความสามารถด้านข่าวกรอง การสอดแนมและการลาดตระเวนในอวกาศอย่างแข็งแกร่งและเป็นการท้าทายสถานะของสหรัฐในอวกาศ นอกจากนี้อิหร่านและเกาหลีเหนือก็ขยายศักยภาพทางทหารไปสู่อวกาศมากขึ้น รวมถึงการส่งคลื่นสัญญานรบกวนการสื่อสารของฝ่ายตรงข้ามและการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธนำวิถี
