สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้เผยแพร่รายงานการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลก โดยปรับลดการประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2019 และปี 2020 ลงเล็กน้อย เนื่องจากการฟื้นตัวทางการค้าและการลงทุนที่ชะลอตัวลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ แม้ว่าศึกพิพาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา สองชาติยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจโลกจะลดความร้อนแรงลงไปก็ตาม โดยรายงานของเวิลด์แบงก์ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในทั้ง 2 ปีดังกล่าวลง 0.2 จุด โดยชี้ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2019 เติบโตอยู่ที่ร้อยละ 2.4 และในปี 2020 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตที่ร้อยละ 2.5
เวิลด์แบงก์ระบุว่า ปี 2019 เป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอที่สุดนับจากโลกเกิดวิกฤตทางการเงินเมื่อ 10 ปีก่อน และในปี 2020 นี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีความเปราะบางต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเผชิญหน้าอันตึงเครียดทางการค้าและทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกครั้งล่าสุดยังได้นำเอาปัจจัยของข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่สหรัฐอเมริกาและจีนประกาศความตกลงกันเมื่อไม่นานมานี้มาประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งเวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่าในปี 2020 นี้ การค้าโลกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นพอประมาณที่ร้อยละ 1.9 จากปี 2019 ที่เติบโตร้อยละ 1.4 ซึ่งต่ำที่สุดนับจากเกิดวิกฤตการเงินโลกช่วงปี 2008-2009 และยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการเติบโตของการค้าโลกรายปีที่อยู่ที่ร้อยละ 5 นับจากปี 2010 อีกด้วย
เวิลด์แบงก์ยังชี้อีกว่า ภาวะการค้าและการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะยังคงมีความเปราะบางต่อการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่อาจปะทุตึงเครียดขึ้นอีก เช่นเดียวกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ดีเวิลด์แบงก์ระบุว่ายังไม่อาจจะประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านครั้งนี้ได้ แต่ชี้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งนี้จะยิ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อโอกาสของการลงทุน
