‘ดอน’ เผยรมว.กต.อาเซียนถกรัฐยะไข่-ทะเลจีนใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากเมืองญาจาง ประเทศเวียดนามว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนได้ร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม ซึ่งถือเป็นการประชุมแรกภายใต้การเป็นประธานของเวียดนาม โดยที่ประชุมได้หารือถึงการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นต่างๆ ในปี 2563 รวมถึงการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับพัฒนาการทั้งในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือระหว่างรับประทานอาหารค่ำร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันถึงสถานการณ์ในรัฐยะไข่ของเมียนมา โดยเมียนมาได้แจ้งให้อาเซียนทราบถึงการชี้แจงต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ(ศาลโลก) ของนางออง ซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศเทียนมาเกี่ยวกับการขอให้ศาลโลกออกมาตรการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองชาวโรฮีนจาในช่วงที่ผ่านมา
นายดอนกล่าวว่า อาเซียนอยากเห็นกระบวนการส่งกลับชาวโรฮีนจาจากบังคลาเทศมายังเมียนมา ภายใต้การประสานงานกับองค์การระหว่างประเทศคือ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) และสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นดีพี)ที่ดีขึ้น ทั้งยังสนับสนุนการหารือร่วมกันเมียนมากับบังคลาเทศ โดยในขั้นตอนสุดท้ายแล้วกระบวนการส่งกลับจะต้องเกิดขึ้นภายใต้ความสมัครใจของชาวโรฮีนจา
นายดอนกล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นว่าอาจมีการเลือกตัวแทนจากชาวโรฮีนจาชุดแรกราว 400 กว่าคนที่ได้เดินทางกลับเข้าไปตั้งหลักแหล่งในเมียนมาแล้วให้ไปพูดให้ชาวโรฮีนจาที่ยังอยู่ในค่ายอพยพค็อกซ์บาซาร์ของบังคลาเทศฟังว่าสถานการณ์ที่แท้จริงไม่มีสิ่งใดน่าวิตกกังวล โดยหลังจากนี้อาเซียนก็จะมีการส่งทีมประเมินความต้องการแบบครอบคลุมเข้าไปยังรัฐยะไข่อีกครั้งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเมียนมาต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ในประเด็นทะเลจีนใต้มีการพูดถึงประเด็นที่ยังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ โดยประชุมอยากเห็นการยกร่างแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้(ซีโอซี)ที่มีการดำเนินการอย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น เพื่อจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่ยังค้างคากันอยู่ และนำประเด็นที่เกิดขึ้นในระยะหลังไปหารือกันในระหว่างการยกร่างซีโอซีด้วย
สำหรับเรื่องความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซ็ป) นายดอนกล่าวว่าทั้ง 15 ชาติอยากเห็นอินเดียร่วมลงนามความตกลงดังกล่าวได้ในปีนี้เพราะจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย อย่างไรก็ดีเห็นว่าขณะนี้ยังมีเวลาที่จะหารือกันอยู่ก่อนจะถึงการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหวังว่าเวียดนามจะสามารถทำให้มีการลงนามอาร์เซ็ปได้สำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้
ด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในอาเซียนว่ารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยังได้หารือกันเกี่ยวกับคำเชิญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ให้ผู้นำอาเซียนเดินทางไปร่วมประชุมกับผู้นำสหรัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งการพบปะกันดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มีนาคม ที่นครลาสเวกัสของสหรัฐ
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image