สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังคงร่วงลง เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน หลังการตัดสินใจลงประชามติเพื่อออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักร (ยูเค) หรือที่เรียกรวมๆ กันว่าอังกฤษ จากการที่นักค้าเกรงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งรู้จักกันในชื่อ “เบร็กซิท” จะนำไปสู่ความไม่แน่นอนเป็นเวลาหลายเดือน
ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 2 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างการซื้อขายภาคเช้าในตลาดเอเชีย จากการที่นักค้าแห่เข้าถือสินทรัพย์ที่ถูกพิจารณาว่าปลอดภัย อาทิ เงินสกุลเยนของญี่ปุ่นและทองคำ ขณะที่ดัชนีหุ้นนิกเคอิของญี่ปุ่นดีดตัวกลับขึ้นมาหลังร่วงลงเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา
การตัดสินใจที่น่าประหลาดใจในการลงประชามติของชาวอังกฤษส่งผลให้มูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน หายไปทันที 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 74 ล้านล้านบาท) และส่งให้ค่าเงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปี ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงปิดตลาดจากคำมั่นสัญญาของธนาคารกลางใหญ่ๆ หลายแห่ง ทำให้ค่าเงินปอนด์ดีดตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2528 ในช่วงการซื้อขายภาคเช้าในตลาดเอเชีย
ด้านเงินวอนของเกาหลีใต้อ่อนค่าลง 0.4 เปอร์เซ็นต์ ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.6 เปอร์เซ็นต์ รูเปียห์อินโดนีเซียร่วงลง 0.6 เปอร์เซ็นต์ ริงกิตมาเลเซียร่วงลง 0.4 เปอร์เซ็นต์และ เปโซฟิลิปปินส์ร่วงลง 0.5 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่จีนปรับลดค่ากลางเงินหยวนลงเกือบ 1 เปอร์เซ็นต์ สู่ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 5 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
ตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลง 0.7 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปิดการซื้อขายภาคเช้า ตลาดหุ้นกรุงโซลของเกาหลีใต้ร่วงลง 0.2 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ร่วงลง 0.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไต้หวันร่วงลงเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นนิกเคอิของญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวเพิ่มขึ้น 1.9 เปอร์เซ็นต์ในช่วงบ่าย หลังจากร่วงลงเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีนเพิ่มขึ้น 0.9 เปอร์เซ็นต์ และตลาดหุ้นซิดนีย์ของออสเตรเลียขยับขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์
