ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ออกนั่งบัลลังก์เมื่อวันที่ 23 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ตัดสินว่าศาลมีขอบเขตอำนาจที่จะพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจาในเมียนมา ตามที่ประเทศแกมเบียยื่นคำร้องต่อศาล ในฐานะผู้แทนขององค์การความร่วมมืออิสลาม ซึ่งเป็นตัวแทนขององค์การระหว่างรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดของโลกมุสลิม
ทั้งนี้ศาลโลกยังสั่งให้เมียนมาดำเนินมาตรการทุกอย่างภายใต้อำนาจที่ทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวโรฮีนจาตามที่มีการกล่าวหา พร้อมกับระบุถึงการดำเนินการตามขั้นตอนฉุกเฉินต่างๆ ตามที่แกมเบียเสนอ ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษความผิดอาญาฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าอนุสัญญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปี 1948 โดยเมียนมาต้องป้องกันไม่ให้มีการดำเนินการใดๆ ก็ตามที่ถูกระบุไว้ว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตามอนุสัญญาดังกล่าว
ศาลโลกยังสั่งให้เมียนมาส่งรายงานมายังศาลภายใน 4 เดือน และทุกๆ 6 เดือนหลังจากนั้น ขณะที่การพิจารณาคดีหลักที่แกมเบียยืนฟ้องเมียนมากรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจาจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีนับจากนี้