เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า จีนออกโรงกล่าวหาสหรัฐอเมริกาว่าไม่เพียงไม่ได้ให้ความช่วยเหลือสำคัญใดๆ ในการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เท่านั้น แต่สหรัฐยังกลับโหมกระพือความตื่นตระหนกหวาดกลัวในการตอบสนองรับมือกับการระบาดของไวรัสร้ายนี้ของจีนมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยมาตรการรุนแรงของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการอพยพพลเมืองของตนเองกลับประเทศเป็นชาติแรกและยังห้ามผู้เดินทางมาจากจีนเข้าประเทศสหรัฐ
“สหรัฐไม่ได้ให้ความช่วยเหลือสำคัญใดๆ มีแต่จะสร้างความตื่นตระหนกให้เท่านั้น” นางหัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในระหว่างแถลงข่าวประจำวันต่อสื่อมวลชน โดยโฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศจีนยังอ้างถึงคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก(ฮู) ที่ออกมาเตือนว่า การห้ามหรือจำกัดการเดินทางไม่ได้เป็นมาตรการจำเป็นในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรค
“ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาที่มีความสามารถและสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันการระบาดที่เข้มแข็ง ได้ใช้มาตรการควบคุมเกินความจำเป็น ซึ่งขัดกับคำแนะนำของฮู” โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศหรัฐ และว่า ประเทศเหล่านี้ควรจะพิจารณาตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผล ความสุขุมและยึดหลักการทางวิทยาศาสตร์
โดยท่าทีของจีนที่มีขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสหรัฐขึ้นเมื่อวันศุกร์(31 ม.ค.)ที่ผ่านมา หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่นในจีนและลุกลามไปหลายประเทศทั่วโลก และยังห้ามชาวต่างชาติที่เดินทางไปจีนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เข้าประเทศสหรัฐ และให้ชาวอเมริกันที่เดินทางมาจากศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสนี้อยู่ภายใต้การกักกันโรคเป็นเวลา 14 วันด้วย
นอกจากนี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงด้วยว่า สิ่งที่จีนมีความต้องการอย่างเร่งด่วนคือ อุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ ทั้งหน้ากากอนามัย ชุดสูทและแว่นตาป้องกันการติดเชื้อโรค อย่างไรก็ตามมีหลายประเทศ ซึ่งรวมถึง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น คาซัคสถาน และฮังการี ที่ได้บริจาคช่วยเหลือเครื่องเวชภัณฑ์ให้แก่จีนส่วนหนึ่งได้
ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมของจีนเปิดเผยว่า กำลังการผลิตอย่างเต็มที่ของโรงงานในจีนสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้เพียงราววันละ 20 ล้านชิ้นเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ในกระทรวงอุตสาหกรรมจีนยังระบุว่ารัฐบาลกำลังจะเพิ่มการนำเข้าหน้ากากอนามัยมาจากยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ
