สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซีรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส ที่มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ ซึ่งมีขึ้นก่อนหน้าที่สภาซีเนต ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ จะทำการโหวตลงมติเพื่อถอนถอนออกจากตำแหน่ง(อิมพีชเมนต์) ต่อทรัมป์หรือไม่ในวันรุ่งขึ้น จากการถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจมิชอบและขัดขวางสภาคองเกรส ท่ามกลางการคาดหมายว่าทรัมป์จะถูกตัดสินให้พ้นผิด
โดยในการแถลงนโยบายทรัมป์ได้เผยให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของตนเองในการจะบริหารประเทศต่อเป็นสมัยที่ 2 พร้อมกล่าวถึงการทำให้ชาวอเมริกันกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ ทรัมป์ยัังกล่าวโจมตีข้อเสนอเรื่องแผนประกันสุขภาพของคู่แข่งทางการเมืองตนเองอย่าง เบอร์นี แซนเดอร์ส และ เอลิซาเบธ วอร์เรน ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ได้เสนอแผนประกันสุขภาพโดยให้รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด จากปัจจุบันที่ใช้ระบบเอกชนที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนจะได้รับการดูแลด้านการประกันสุขภาพจากนายจ้าง ซึ่งทรัมป์เปรียบข้อเสนอนี้ว่าเป็นระบบสังคมนิยม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นทรัมป์เองก็ไม่ได้มีการเสนอแผนการด้านประกันสุขภาพที่ชัดเจน จนถูกวิจารณ์ว่าตัวเขาเองไม่ได้ทำมากเพียงพอที่จะหาทางลดภาระค่าใช้จ่ายด้านประกันสุขภาพของชาวอเมริกันชนชั้นกลางได้
ทรัมป์ยังกล่าวยกผลงานตนเองและให้ภาพความหวังในแง่ดีกับชาวอเมริกันด้วยหวังโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันสนับสนุนตนเองเป็นประธานาธิบดีต่อไปอีกสมัย ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ทรัมป์ยังกล่าวโต้เสียงวิจารณ์ที่มีต่อนโยบายผู้อพยพเข้าเมืองของตนเอง โดยกล่าวว่าผู้อพยพควรจะยุติการข้ามชายแดนตอนใต้ของสหรัฐ และว่า เมืองหลบภัยที่ให้การปกป้องผู้อพยพนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ด้านนโยบายต่างประเทศอื่นๆ ทรัมป์กล่าวย้ำถึงการถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน และการยุติสงครามต่างๆ ของอเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลาง
มีรายงานว่า บรรยากาศในสภาคองเกรสยังสัมผัสได้ถึงความคุกรุ่นของความขัดแย้ง โดยขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันลุกขึ้นยืนปรบมือให้ทรัมป์ก่อนกล่าวถ้อยแถลงพร้อมกับตะโกนร้องสนับสนุนให้ทรัมป์ “อยู่อีก 4 ปี” แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ยังคงนั่งอยู่กับที่และหลายคนไม่เข้าร่วมนั่งฟังคำแถลงของทรัมป์ในสภา ขณะเดียวกันก็มีการเผชิญหน้ากันระหว่างทรัมป์ กับ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรคเดโมแครตที่เดินหน้าเปิดกระบวนการถอนถอนทรัมป์ในสภาด้วย
