เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ไล่ออกฟ้าผ่า 2 พยานปากสำคัญที่เข้าให้การในกระบวนการสอบสวนเพื่อพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือ อิมพีชเมนต์ ต่อประธานาธิบดีทรัมป์ ในข้อกล่าวหาใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส จากกรณีที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาข่มขู่บังคับให้ผู้นำยูเครนเปิดการสอบสวนครอบครัวอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตที่อาจเป็นคู่แข่งทางการเมืองของทรัมป์ในศึกเลือกตั้งสหรัฐที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ โดยคำสั่งไล่ออกดังกล่าวจุดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ว่ากำลังแก้แค้นเอาคืนผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามตนเอง แม้ทรัมป์จะรอดพ้นจากการถูกอิมพีชเมนต์ก็ตาม
ข่าวแจ้งว่า ทรัมป์ได้มีคำสั่งเรียกตัวนายกอร์ดอน ซอนด์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหภาพยุโรป(อียู)กลับประเทศ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทรัมป์สั่งไล่พันโทอเล็กซานเดอร์ วินด์แมน ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการยูเครนซึ่งนั่งทำงานอยู่ในสภาความมั่นคงแห่งชาติ(เอ็นเอสซี) ให้ออกจากทำเนียบขาว
การสั่งปลดทั้งสองคนดังกล่าวมีขึ้นเพียง 2 วันหลังจากสภาซีเนต หรือ วุฒิสภาสหรัฐที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างอยู่ ลงมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากให้ทรัมป์พ้นผิดจากข้อกล่าวหาใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางสภาคองเกรสที่เกี่ยวข้องกับกรณีของยูเครน
นายซอนด์แลนด์ ออกมาแถลงสั้นๆว่า ตนได้รับการแจ้งให้ทราบว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกตัวเขากลับประเทศ ซึ่งมีผลในทันที
ด้านนายวินด์แมนเจอคำสั่งด่วนให้ออกไปจากสำนักงาน(เอ็นเอสซี) ในทำเนียบขาวทันที ซึ่งนายเดวิด เพรสแมน ทนายความของนายวินด์แมน กล่าวภายหลังว่า นายวินด์แมนถูกให้ออกจากทำเนียบขาวที่เขาปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติและประธานาธิบดี จากการที่เขาพูดความจริง นายเพรสแมนยังกล่าวทำนองว่าทรัมป์กำลังแก้แค้นเอาคืนผู้ที่อยู่ตรงข้ามตนเอง
สื่อสหรัฐยังรายงานด้วยว่า นายเยฟเกนี น้องชายฝาแฝดของวินด์แมน ซึ่งติดยศพันโทและเป็นทนายความอยู่ในเอ็นเอสซี ได้ถูกไล่จากตำแหน่งไปพร้อมกันด้วย
ทั้งนี้วินด์แมน ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกิจการยุโรปในสภาความมั่นคงแห่งขาติ เป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ทรัมป์โทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำยูเครนเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมปีที่แล้ว ได้ถูกสภาคองเกรสเรียกตัวมาให้ปากคำในกรณีนี้ เช่นเดียวกับซอนด์แลนด์ที่ให้ปากคำต่อสภาว่าตนเองทำตามคำสั่งประธานาธิบดีสหรัฐที่ให้กระทำต่างตอบแทนต่อยูเครนในการให้เปิดการสอบสวนไบเดนเพื่อแลกกับความช่วยเหลือของสหรัฐ
