พลิกแฟ้มคดี ‘ลิตวิเนนโก’ อดีตสายลับเคจีบี คดี 10 ปี เขย่าสัมพันธ์อังกฤษ-รัสเซีย (1)

จัตุรัสกรอสเวเนอร์ ใจกลางเขตเมย์แฟร์ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แสดงให้เห็นถึงสัมพันธภาพอันดีกับสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงด้านเหนือของจัตุรัสแห่งนี้คือที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาเท่านั้น ยังปรากฏอนุสาวรีย์แฟรงกลิน ดี. รูสเวลท์ และโรนัลด์ เรแกน อดีตผู้นำอเมริกันผู้มีชื่อเสียงประดิษฐานอยู่ในบริเวณจัตุรัสแห่งนี้อีกด้วย

ว่ากันว่าบนชั้นสี่ของอาคารสถานทูต คือที่ตั้งของ “สถานี” ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมบัญชาการของสำนักงานข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ ประจำประเทศนี้

ด้านตรงกันข้ามห่างออกไปราว 500 เมตร บนกรอสเวเนอร์สตรีท คือที่ตั้งของมิลเลนเนียม โฮเตล โรงแรมที่ แอนเดร ลูโกวอย กับ ดมิตรี คอฟตุน สองมือสังหารจาก “สำนักงานความมั่นคงแห่งรัฐ” หรือ “เอฟเอสบี” ถูกส่งตัวมาแบบลับๆ เพื่อจัดการกับ “เป้าหมาย” รายหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษ

การลงมือครั้งแรกมีขึ้นเมื่อราวกลางเดือนตุลาคม ปี 2006

Advertisement

เป้าหมายของมือสังหารทั้งสองคือ “อเล็กซานเดอร์ลิตวิเนนโก”

ลิตวิเนนโกเป็นสมาชิกคนหนึ่งในอดีตของเอฟเอสบี หน่วยงานสืบราชการลับของรัสเซียที่ถือกันว่าเป็นทายาทสืบทอดมาจาก “เคจีบี” ที่ขึ้นชื่อลือเลื่องในสมัยที่ยังคงมีสหภาพโซเวียตปรากฏอยู่ เขาหลบหนีออกมาจากมอสโกในปี 2000 หลังจากนั้้นก็กลายเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ทั้งระบบของรัสเซีย ทั้งตัววลาดิมีร์ ปูติน ที่แหลมคมและดุเดือดเลือดพล่าน ผ่านทางการทำหน้าที่เป็นนักเขียนและผู้สื่อข่าว

สำคัญยิ่งกว่านั้น นับตั้งแต่ปี 2003 เรื่อยมา อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก ยังรับหน้าที่เป็น “สาย” ระดับ “ผู้เชี่ยวชาญ” เกี่ยวกับแก๊งอาชญากรรมในรัสเซียให้กับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษอย่าง “เอ็มไอ6” ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่เอ็มไอ6 เจ้าของชื่อรหัส “มาร์ติน” อีกต่างหาก

Advertisement

ข้อมูลสำคัญส่วนหนึ่งซึ่งลิตวิเนนโกส่งมอบให้กับเอ็มไอ6 ที่ในเวลาต่อมาถูกส่งผ่านให้กับหน่วยงานข่าวกรองของสเปน คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการจัดตั้งองค์กร “มาเฟีย” รัสเซียในสเปน รายละเอียดที่เขามอบออกไปนั้นไม่มีการเปิดเผยในเวลานี้ แต่ถูกระบุเอาไว้ว่าเป็น “ข้อมูลน่าพรั่นพรึง” ชนิดที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบถึงกับ “ขนหัวลุก” เลยทีเดียว

ส่วนหนึ่งของข้อมูลดังกล่าวคือ การแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงและสายสัมพันธ์ระหว่าง “มาเฟีย” ในสเปนกับบรรดา “นักการเมืองในรัสเซีย” ที่สามารถสาวต่อเนื่องไปได้จนกระทั่งถึง “ทำเนียบประธานาธิบดี” และทวนความย้อนหลังไปได้จนกระทั่งถึงช่วงทศวรรษ 1990 เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีปูตินยังคงเป็นเพียงแค่ “คนสนิท” ของนายกเทศมนตรีนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กอย่างอนาโตลี ซอบชัค และทำงานใกล้ชิดอยู่กับบรรดา แก๊งมาเฟียเหล่านี้

ในช่วงอีกราวหนึ่งถึงสองสัปดาห์ถัดไป ลิตวิเนนโกมีกำหนดต้องเข้าให้ปากคำกับเจ้าพนักงานอัยการสเปนเกี่ยวเนื่องกับเรื่องเหล่านี้

อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก จึงจำเป็นต้องตาย!

“อาวุธสังหาร” ที่คนทั้งสองนำติดตัวมาจากมอสโกด้วย คือสิ่งที่ดมิตรี คอฟตุน หลุดปากสารภาพกับเพื่อนรายหนึ่งไว้ว่าเป็น “ยาพิษชนิดแพงมากๆ” เพราะหายากขนาดที่ตัวเขาเองยังไม่รู้คุณสมบัติของมันครบถ้วน

ยาพิษดังกล่าวคือ “โพโลเนียม-210” ไอโซโทปของสารกัมมันตภาพรังสีที่หายากอย่างยิ่ง

“โพโลเนียม” เป็นโลหะสีเงิน พบในธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของแร่ยูเรเนียม ผู้ที่ค้นพบเป็นคนแรกคือ มารี กับปิแอร์ คูรี นักเคมีเรืองนามชาวฝรั่งเศส ที่ว่าหายาก เพราะจะพบโพโลเนียมเพียง 100 ไมโครกรัม ในทุกๆ ยูเรเนียมในธรรมชาติ 1 ตัน

“โพโลเนียม-210” เป็น 1 ใน 25 ชนิดของไอโซโทปของโพโลเนียม (ไอโซโทป คืออะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน มีคุณสมบัติทางเคมีเหมือนกัน แต่มีนิวตรอนต่างกัน) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อโพโลเนียมสลายตัวคายอนุภาคอัลฟาออกมา โพโลเนียม-210 มีอนุภาพในการแผ่กัมมันตภาพรังสีรุนแรงได้แบบเดียวกับโพโลเนียม แต่มีค่าครึ่งชีวิต (หรือระยะเวลาที่จะสลายตัวหมดกัมมันตภาพรังสี) กลายเป็นตะกั่วในเวลา 138 วัน

“โพโลเนียม-210” เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ร่างกายของคนเรารองรับสารกัมมันตภาพรังสีชนิดนี้ได้เพียง 7 พิโคกรัม (7 ส่วนใน 1 ล้านล้านส่วนของกรัม) โพโลเนียม-210 หนัก 1 ไมโครกรัม (1 ส่วนใน 1 ล้านส่วนของกรัม) ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่กว่า “ผงฝุ่นละออง” ที่แขวนลอยอยู่ในอากาศ ก็สามารถคร่าชีวิตคนเราจากการแผ่กัมมันตภาพรังสีได้แล้ว

กัมมันตภาพรังสีชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับการเป็นอาวุธสังหารอย่างยิ่ง ไม่เพียงเล็กมาก มองไม่เห็น ตรวจสอบไม่ได้ ยัง “ตายแน่นอน” อีกด้วย

ข้อดีอีกอย่างก็คือ อนุภาคอัลฟาของโพโลเนียม-210 สามารถปิดกั้นได้ง่ายๆ ด้วยกระดาษหรือภาชนะบรรจุที่เป็นแก้ว การลักลอบนำเอาสารกัมมันตภาพรังสีชนิดนี้เข้าอังกฤษในปริมาณเพียงเล็กน้อยจึงเป็นไปได้โดยง่าย

จุดอ่อนอย่างเดียวของ “โพโลเนียม-210” ก็คือ คนธรรมดาแทบไม่สามารถครอบครองมันได้เลย หากไม่สามารถ “เข้าถึง” แหล่งผลิตที่เป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้ กระนั้นในแต่ละปีเตาปฏิกรณ์ปรมาณูทั่วโลกก็สามารถผลิตโพโลเนียม-210 ได้เพียงไม่เกิน 100 กรัมเท่านั้น

“โพโลเนียม-210” ที่ถูกลักลอบนำเข้ามาครั้งนี้มีต้นตอมาจากเตาปฏิกรณ์ปรมาณูในบริเวณเทือกเขายูราลและมีแหล่งผลิตจำเพาะอยู่ที่เมืองชื่อซารอฟของรัสเซีย ผู้ที่รับผิดชอบเปลี่ยนมันให้เป็น “อาวุธสังหาร” คือ “สถาบันวิจัย” ของเอฟเอสบี

ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ของอังกฤษจากเคมีราชสมาคม เชื่อว่า “โพโลเนียม-210” ถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของเหลวด้วยการปนเปื้อนลงในสารละลายบางอย่าง โดยเฉพาะน้ำเกลือ (ตัวอย่างเช่น เกลือไซเตรท หรือไนเตรท เป็นต้น) เพื่อให้สะดวกและพร้อมสำหรับการใช้งาน การคงอยู่ของมันในปริมาณมากในคดี ลิตวิเนนโกจึงเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นเบื้องหลังใหญ่โตของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

แอนเดร ลูโกวอย กับ ดมิตรี คอฟตุน ดำเนินความพยายามครั้งแรกเพื่อจัดการกับลิตวิเนนโก โดยอาศัยข้ออ้างเจรจาหาความร่วมมือกันดำเนินธุรกิจนัดพบกับลิตวิเนนโก ที่ห้องประชุมธุรกิจหนึ่งในจำนวนหลายแห่งบนถนนกรอสเวเนอร์ รอคอยพร้อมกับใส่โพโลเนียม-210 ลงในแก้วน้ำของเขา ที่ทำให้สกอตแลนด์ยาร์ดตรวจสอบพบในภายหลัง

ความพยายามครั้งนั้นล้มเหลว เพราะตลอดเวลาที่นั่งคุยกัน อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก ไม่ได้แตะต้องน้ำแก้วนั้นเลย

โรงแรมมิลเลนเนียมก็เป็นเช่นเดียวกันกับโรงแรมระดับหรูเลิศทั้งหลายในอังกฤษ นั่นคือแทบทุกซอกทุกมุมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ระบบของมิลเลนเนียมใช้กล้องทั้งหมด 48 ตัว ทำหน้าที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวในทุกๆ 2 วินาที ภาพที่ได้ดังกล่าวถูกจัดเก็บเอาไว้นาน 31 วัน

และแม้คุณภาพของภาพจะไม่ดีเลิศนัก แต่นี่คือส่วนหนึ่งของหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นในเวลาต่อมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิตวิเนนโก

ย่ำค่ำวันที่ 31 ตุลาคม กล้องวงจรปิดที่จับไปยังรีเซปชั่นเดสก์ แสดงให้เห็นภาพชายผู้หนึ่งสวมแจ๊กเก็ตหนังสีดำ เสื้อแบบจัมเปอร์ทีเหลืองมัสตาร์ด พร้อมกับหญิงสาวรุ่น 2 คน ผมบลอนด์ยาวสลวย เดินเข้ามาติดต่อขอห้องพัก ผ้าพันคอยาวพาดลงมาจากไหล่ทั้งสองข้าง เป็นสีแดงและน้ำเงิน สีของ “ซีเอสเคเอ มอสโก” สโมสรฟุตบอลชื่อดังของรัสเซีย

นั่นคือการเช็กอินของแอนเดร ลูโกวอย กับลูกสาว 2 คน ที่เดินทางกลับเข้าอังกฤษมาอีกครั้งเป็นคำรบ 3 ในรอบ 3 สัปดาห์ คราวนี้ยกกันมาทั้งครอบครัว พร้อมเพื่อนสนิทอีกราย ด้วยข้ออ้างเดินทางมาเชียร์ซีเอสเคเอที่มีกำหนดจะทำศึกแชมเปี้ยนลีกกับอาร์เซนอลในค่ำของวันรุ่งขึ้น

กล้องวงจรปิดของโรงแรมแสดงให้เห็นว่า ดมิตรี คอฟตุน เดินทางมาถึงโรงแรมเดียวกันในเช้าวันรุ่งขึ้น

ลูโกวอยไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับ อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก ทั้งคู่เคยพบหน้าและทำความรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของ “คนวงใน” ของ “บอริส เบเรซอฟสกี้” นักธุรกิจมหาเศรษฐีระดับ “เจ้าพ่อ” เมื่อครั้งยัง

อยู่ในรัสเซียในทศวรรษ 1990 ก่อนที่เบเรซอฟสกี้จะเดินทางมา “ลี้ภัย” อยู่ในอังกฤษ และกลายเป็น “ผู้อุปถัมภ์” ของลิตวิเนนโกไปโดยปริยายเมื่อฝ่ายหลังหลบหนีจากมอสโกมาเช่นเดียวกัน

ปี 2005 ลูโกวอยเป็นผู้ติดต่อหาลิตวิเนนโกใหม่หลังจากห่างหายไม่พบปะพูดคุยกันนานหลายปี เสนอร่วมทำธุรกิจกัน เพื่อทำกิจการบริษัท “ที่ปรึกษา” สำหรับบริษัทธุรกิจตะวันตกที่ต้องการเดินทางเข้าไปทำธุรกิจในรัสเซีย

เวลา 11.41 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน ลูโกวอยใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาลิตวิเนนโก เสนอให้พบปะพูดคุยธุรกิจกันอีกครั้งในวันเดียวกันนั้นที่โรงแรมมิลเลนเนียม

เมื่อลิตวิเนนโกตกปากรับคำ แผนการก็ดำเนินต่อไปตามครรลองของมัน!

ตามการสอบสวนสืบสวนของเจ้าหน้าที่สกอตแลนด์ยาร์ด อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก เดินทางออกจากบ้านพักที่มัสเวลล์ฮิลล์ ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ในตอนบ่ายวันนั้นด้วยรถโดยสารประจำทาง หลังจากนั้นก็ต่อด้วยการขึ้นรถไฟใต้ดินไปยังพิคคาดิลลี เซอร์คัส

เวลา 15.00 น. ของวันนั้น ลิตวิเนนโกกินมื้อเที่ยงร่วมกับมาริโอ สคาราเมลลา เพื่อนนักธุรกิจชาวอิตาลีที่อิตสึ ซูชิ ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นในพิคคาดิลลี ในระหว่างมื้ออาหาร เขาได้รับโทรศัพท์หลายครั้งจากลูโกวอย น้ำเสียงยิ่งมายิ่งคะยั้นคะยอมากขึ้นตามลำดับจนกลายเป็นการเร่งเร้า

เวลา 15.40 น. ลูโกวอยโทรศัพท์เข้ามือถือของลิตวิเนนโก

อีกครั้ง “เร็วเถอะ รีบมา” เขาบอก ให้เหตุผลว่าในค่ำวันนั้นเขาจำเป็นต้องไปดูแมตช์ “อาร์เซนอล-ซีเอสเคเอ” แล้ว

ในคำให้การก่อนหน้าเดินทางกลับของแอนเดร

ลูโกวอย ต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนของอังกฤษ เขาระบุว่าในวันที่ 1 พฤศจิกายน เขาเดินทางกลับมายังโรงแรมมิลเลนเนียมเมื่อเวลา 16.00 น. ซึ่งไม่เป็นความจริง

กล้องวงจรปิดของมิลเลนเนียมฟ้องให้เห็นว่า ลูโกวอย เดินทางมาถึงก่อนหน้าเวลาที่เขาระบุเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะเมื่อถึง 15.32 น. เขาก็ปรากฏตัวบริเวณรีเซปชั่นเดสก์ สอบถามทิศทางบางอย่างจากพนักงานที่ประจำอยู่ที่นั่น

กล้องวงจรปิดอีกตัว กล้องหมายเลข 4 แสดงภาพให้เห็นว่าลูโกวอยเดินออกจากห้องโถงไปยังบันได ลักษณะท่าทางของเขาน่าสนใจอย่างยิ่ง เหมือนคนที่กำลังยุ่งเหยิง กระวนกระวาย ใบหน้าซีดเซียว หม่นหมองผิดปกติ มือข้างซ้ายซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ตตลอดเวลา

เวลา 15.45 น. กล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่า ดมิตรี คอฟตุน ทำซ้ำแบบเดียวกันกับลูโกวอย เข้าไปถามทาง จากนั้นก็หายตัวเข้าไปในห้องน้ำชาย ปรากฏตัวออกมาในอีก 3 นาทีให้หลัง

ทั้งคู่กำลังทำอะไร? ล้างไม้ล้างมือหลังจากจัดการฉาบโพโลเนียม-210 ไว้รอเหยื่อเรียบร้อยแล้ว หรือกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมก่ออาชญากรรมครั้งนี้

ในห้องพักห้องใดห้องหนึ่งของ 2 มือสังหารที่ถูกส่งตรงมาจากมอสโกทั้งคู่?

กล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นด้วยว่า ในเวลา 15.59 น. กับอีก 41 วินาที อเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก เดินทางมาถึงโรงแรมมิลเลนเนียม

ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่ากำลังเดินเข้าไปหาความตาย!

(ยังมีต่อ…)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image