‘แซนเดอร์ส-ทรัมป์’ คว้าชัยศึกเลือกตั้งรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ‘ไบเดน’ อาการน่าห่วง

เบอร์นี แซนเดอร์ วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ และผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ (เอเอฟพี)

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า การเลือกตั้งผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในการเลือกตั้งในระบบไพรมารีของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผลปรากฎว่า เบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ผู้เสนอการยกเครื่องระบบประกันสุขภาพของสหรัฐใหม่ ในวัย 78 ปี เฉือนเอาชนะ พีต บูติเจิจ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเซาท์เบนด์ รัฐอินดีแอนา วัย 38 ปีไปได้อย่างเฉียดฉิว โดยที่อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน วัย 77 ปี ที่ถูกมองว่าเป็นผู้สมัครแถวหน้าของพรรคเดโมแครตที่อาจได้รับการตีตั๋วไปชิงชัยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งในช่วงปลายปีนี้ ยังคงทำผลงานได้ไม่ดี

โดยจากการคาดการณ์ผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งไพรมารีในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ที่สื่อโทรทัศน์ของสหรัฐ อาทิ เอ็นบีซี และเอบีซี รายงานมาชี้ว่า แซนเดอร์ส มีคะแนนเสียงนำอยู่ที่ 26 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบูติเจิจมีคะแนนตามมาเป็นที่ 2 ได้ 24 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วย เอมี โคลบูชาร์ วุฒิสมาชิกรัฐมินเนโซตาที่ยังคงมาแรงได้ไป 20 เปอร์เซ็นต์ และเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์หัวเสรีนิยม ได้ราว 9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนไบเดน ตามมาเป็นที่ 5 ได้ 8 เปอร์เซ็นต์

หลังทราบผลคะแนนว่าตนเองไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้า แอนดรูว์ หยาง นักลงทุนชาวอเมริกันเชื้อสายจีน และไมเคิล เบนเนต วุฒิสมาชิกรัฐโคโลราโด ยอมถอดใจประกาศถอนตัวออกจากสนามแข่งขันไปเป็นที่เรียบร้อย

จากซ้าย แซนเดอร์ส, นายพีต บูติเจิจ อดีตนายกเทศมนตรี และ เอมี โคลบูชาร์ วุฒิสมาชิกรัฐมินเนโซตา (เอเอฟพี)

ส่วนแซนเดอร์สออกมากล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนถึงชัยชนะครั้งนี้ว่า ตนขอใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณชาวรัฐนิวแฮมป์เชียร์ในค่ำคืนแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่เป็น “จุดเริ่มต้นของจุดจบสำหรับโดนัลด์ ทรัมป์”

Advertisement

ด้านบูติเจิจ ผู้ประกาศตัวเป็นเกย์และเป็นอดีตทหารผ่านศึกสงครามอัฟกานิสถาน ที่ยังคงทำผลงานได้ดี กล่าวมองไปข้างหน้าถึงการสู้ศึกเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตในรัฐต่อๆ ไป หลังจากผลการเลือกตั้งในระบบคอคัสในรัฐไอโอวาก่อนหน้านี้ชี้ว่าบูติเจิจเฉือนชนะแซนเดอร์สไปอย่างสุดสูสีแต่ยังคงมีปัญหามีอยู่

ส่วนโคลบูชาร์มีเสียงสนับสนุนพุ่งขึ้นมาหลังการดีเบตของพรรคเดโมแครตเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน จนมีคะแนนนิยมแซงวอร์เรน โดยวอร์เรนยอมรับกับเอ็มเอสเอ็นบีซีว่า เธอรู้สึกผิดหวังกับผลคะแนนที่ออกมา แต่ยืนยันว่ากระบวนการเลือกตั้งไพรมารียังอีกยาวไกล

ผู้ที่ตกที่นั่งลำบากสุดคือไบเดน ที่มีเสียงสนับสนุนมาเป็นที่ 5 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เราเพิ่งทราบผลใน 2 รัฐแรกจาก 50 รัฐ ไม่ใช่ทั้งประเทศ หรือครึ่งประเทศ

Advertisement
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา จากพรรครีพับลิกัน (เอเอฟพี)

ชัยชนะของแซนเดอร์สครั้งนี้ยังถูกมองว่าถือเป็นการเริ่มต้นอย่างแข็งแกร่ง โดยผลสำรวจความนิยมทั่วประเทศที่มีการจัดทำโดยควินนิแพก ยูนิเวอร์ซิตีระบุว่า แซนเดอร์สมีคะแนนนิยมพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนไบเดนมีความนิยมวูบลงไปจาก 26 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์นับจากปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีนักลงทุน ที่ลงสู้ศึกเลือกตั้งในพรรคเดโมแครตด้วย แต่ยังไม่ได้ลงแข่งขันในการเลือกตั้งขั้นต้นในรัฐใดเลย โดยเจ้าตัวประกาศว่าจะพุ่งเป้าไปที่ศึกเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่เรียกว่า ซุปเปอร์ทิวส์เดย์ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งขั้นต้นพร้อมกันถึง 14 รัฐในวันเดียวคือวันที่ 3 มีนาคมนั้น มีความนิยมตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบูติเจิจ มีเสียงสนับสนุน 10 เปอร์เซ็นต์

ส่วนการเลือกตั้งไพรมารีของพรรครีพับลิกันในรัฐนิวแฮมป์เชียร์เช่นกัน ผลเอ็กซิทโพลชี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนนเสียง 86.6 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนายวิลเลียม เวลด์ อดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ คู่แข่ง ได้ 8.2 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ 2.8 เปอร์เซ็นต์เป็นของผู้สมัครรายอื่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image