สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ความฝันของนายนอร์แบร์ต โฮเฟอร์ วัย 45 ปี จากพรรคเสรีภาพ (เอฟพีโออี) ของออสเตรียที่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแนวทางขวาจัดคนแรกของสหภาพยุโรป (อียู) เริ่มมีหวังขึ้นมา หลังจากเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญออสเตรียพิพากษาว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบตัดสินที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายอเล็กซานเดอร์ ฟาน แดร์ เบลเลน ผู้สมัครอิสระวัย 72 ปี เอาชนะนายโฮเฟอร์ไปได้อย่างเฉียดฉิวเพียงแค่ 30,863 คะแนน เป็นโมฆะ
ข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่พบหลักฐานว่ามีการโกง แต่พิพากษาว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการเลือกตั้งในวันนั้นแพร่ขยายเป็นวงกว้างและมีความร้ายแรงมากพอทำให้ต้องตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
แกร์ฮาร์ต โฮลซิงเกอร์ หัวหน้าคณะผู้พิพากษาแถลงในการอ่านคำตัดสินผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศว่า “คำตัดสินที่ประกาศในวันนี้คือไม่มีผู้ชนะและผู้แพ้ โดยมีเป้าหมายเดียวคือการสร้างความเชื่อมั่นในหลักนิติรัฐและประชาธิปไตย”
ทั้งนี้ นายโฮเฟอร์มีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อเดือนเมษายน และผลการนับคะแนนเบื้องต้นของการเลือกตั้งรอบตัดสินเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายโฮเฟอร์ก็มีคะแนนนำอยู่เล็กน้อย
ทว่าหลังจากมีการนับคะแนนของบัตรเลือกตั้งที่ส่งทางไปรษณีย์ 700,000 ใบ นายฟาน แดร์ เบลเลน อดีตสมาชิกพรรคกรีนกลับได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะในวันถัดมา แต่ทางพรรคเอฟพีโออีได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนโดยอ้างถึงความไม่ชอบมาพากลที่น่าตกใจ
และหลังจากมีการสืบพยานหลายสิบปาก ศาลพบว่าบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ใน 14 เขตเลือกตั้ง คิดเป็นทั้งหมด 78,000 ใบ ถูกเปิดในเวลาที่ผิดและอาจมีการแก้ไข
คำพิพากษาของศาลทำให้การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายฟาน แดร์ เบลเลนที่เดิมกำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ต้องถูกยกเลิกไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีออสเตรียรอบตัดสินครั้งใหม่จะถูกจัดขึ้นเมื่อไหร่