สำนักข่าวรอยเตอร์ และเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ สหรัฐอเมริกา ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ กล่าวหาว่า หัวเว่ย บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีน และตัวแทนของหัวเว่ย พยายามที่จะขโมยความลับทางการค้าจากบริษัทในสหรัฐมานายหลายสิบปี โดยได้ร่วมมือกันขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจาก 6 บริษัทในสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อการเติบโต และเพื่อให้กลายเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในโลก
โดยข้อกล่าวหาใหม่ที่มีต่อหัวเว่ยนี้ ได้รวมไปถึงการฉ้อโกง ที่มีเพิ่มเติมจากข้อกล่าวหาที่มีการเปิดเผยเมื่อเดือนมกราคม 2562 ที่กล่าวหาว่าหัวเว่ยขโมยความลับทางการค้าจากบริษัท ที-โมบายล์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในสหรัฐ
ในข้อกล่าวหาล่าสุด ได้มีการระบุชื่อ หัวเว่ย และบริษัทย่อยหลายบริษัท รวมไปถึงชื่อของนางเมิ่ง หวั่นโจว ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของหัวเว่ย ที่ถูกทางการแคนาดาจับกุมตัวในข้อหามีส่วนเกี่ยวโยงกับการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
ขณะที่หัวเว่ยแถลงว่า ข้อกล่าวหาล่าสุดเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงและไม่ยุติธรรม โดยระบุว่าข้อกล่าวหาใหม่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงของหัวเว่ยและธุรกิจของหัวเว่ย โดยอ้างเรื่องการแข่งขัน มากกว่าเรื่องของกฎหมาย และว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงทางธุรกิจในวันนี้ ไม่มีอะไรนอกจากการวางอุบายปรับเปลี่ยนข้อกล่าวหาที่มีมาอยู่เกือบ 20 ปี
วันเดียวกัน มีรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ได้เลื่อนการประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรบางอย่างต่อหัวเว่ยออกไปอีก 45 วัน โดยอนุญาตให้หัวเว่ยยังสามารถทำธุรกิจกับบริษัทอเมริกันได้ต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทโทรคมนาคมในช่วงที่ยังต้องหาทางเลือกอื่นมาแทนหัวเว่ย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
