คอลัมน์ไฮไลต์โลก: ฤทธิ์ “โควิด-19” จุดเปลี่ยนพฤติกรรมทักทาย

เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แผลงฤทธิ์ระบาดไปทั่วโลกจนยากเกินควบคุมอยู่ในเวลานี้ ได้มีผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลก ให้ระแวดระวังตัวกันมากขึ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ธรรมเนียมทักทายของผู้คนที่ปรับเปลี่ยนไป

ในจีน ซึ่งเป็นประเทศศูนย์กลางแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนเลิกจับมือทักทายกันแบบธรรมเนียมฝรั่ง มาเป็นการรวบกุมมือทั้งสองข้างของตนเอง ประสานไว้ด้านหน้า และค้อมศีรษะเพียงเล็กน้อยเป็นการทักทายกันแทน หรือการทำท่าคารวะแบบธรรมเนียมดั้งเดิมของชาวจีนที่เห็นกันในหนังกำลังภายใน

ตามหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ในฝรั่งเศส ก็เต็มไปด้วยคำแนะนำให้ชาวฝรั่งเศสเลิกจูบแก้มทักทายเมื่อพบเจอกัน โดยให้เพียงสบตาทักทายกันเท่านั้นพอ

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขบราซิลก็แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการจูบทักทาย และอย่าใช้หลอดเหล็กในการดื่มเครื่องดื่มอย่าง Chimarrao ซึ่งเป็นเครื่องดื่มพื้นถิ่นที่อุดมด้วยคาเฟอีนซึ่งชาวอเมริกาใต้นิยมดื่มกัน

Advertisement

ในระดับผู้บริหารประเทศของเยอมนี ก็ตกเป็นที่จับจ้องในการปฏิบัติตัวในภาวะระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีการจับสังเกตว่า ในการพบปะกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายฮอร์สต์ ซีฮอฟเฟอร์ รัฐมนตรีมหาดไทยของเยอรมนี ไม่ยอมจับมือทักทายกับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล โดยซีฮอฟเฟอร์เพียงแต่ส่งยิ้มให้ในขณะที่เขายังกุมมือทั้งสองข้างของตนเองเอาไว้แน่น จนนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งแดนอินทรีเหล็กเห็นก็ได้แต่ยกมือเก้อ แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาด้วยความเข้าใจในสถานการณ์

ที่สเปน การระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังอาจส่งผลกระทบต่อพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคริสต์ในสเปนในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ที่กำลังจะมาถึง โดยหนึ่งในพิธีกรรมนั้นคือ การจูบรูปปั้นพระแม่มารี ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสเปนเปิดเผยว่าอาจจะต้องห้ามศาสนิกชนกระทำการนี้ไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

เช่นเดียวกับที่ โปแลนด์ หนึ่งในประเทศที่มีประชากรชาวคาทอลิกมากที่สุดในยุโรป มีรายงานว่า ในการประกอบพิธีศีลมหาสนิทที่โบสถ์ ซึ่งจะมีการป้อนขนมปังให้แก่ศาสนิกชนนั้น จะไม่มีการป้อนขนมปังใส่ปากตามธรรมเนียมที่เคยมีปฏิบัติ แต่จะมอบขนมปังใส่มือให้แทน นอกจากนี้ยังมีการร้องขอให้ศาสนิกชนที่มาประกอบพิธีทางศาสนาอย่าจุ่มมือลงในน้ำมนต์ที่ตั้งไว้บริเวณทางเข้าออกโบสถ์

Advertisement

การปรับธรรมเนียมทักทายที่แหวกแนวไปกว่าชาวบ้าน เห็นจะเป็นสิ่งที่ปรากฎอยู่ในคลิปที่แพร่เป็นไวรัลเมื่อเร็วๆนี้ ที่หนุ่มชาวอิหร่าน 3 คนสวมหน้ากากอนามัย แสดงการใช้เท้าแตะทักทายกัน แทนกับจับมือ

สถาบันการศึกษาในนิวซีแลนด์หลายแห่ง ที่มีชนเผ่าเมารี ซึ่งเป็นชนพื้นเมือง ก็ได้ระงับการทักทายแขกผู้มาเยือนแบบชนเผ่าเมารีที่เรียกว่า ฮองงิ หรือการเอาหน้าผากและจมูกชนกันไปก่อนด้วย

ส่วนรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย รัฐมนตรีสาธารณสุขได้ร้องขอความร่วมมือประชาชนให้ตบหลังกันเบาๆ เป็นการทักทายแทนการจับมือ

ขณะที่แวดวงกีฬาบาสเก็ตบอลของสหรัฐอเมริกา มีการแนะให้นักบาสฯ ทักทายแฟนๆ ด้วยการชนกำปั้น แทนการ ไฮ-ไฟว์ และให้นักบาสฯหลีกเลี่ยงการรับสิ่งของต่างๆ เช่น ปากกา ลูกบอล และเสื้อยืดเพื่อแจกลายเซ็นต์

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) และ กาตาร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่แนะนำให้พลเมืองของตนเอง เลิกทักทายด้วยการเอาจมูกชนกัน โดยรัฐบาลยูเออียังบอกประชาชนว่าไม่ควรจับมือหรือจูบทักทาย แค่โบกมือทักทายกันก็เพียงพอแล้ว

เรียกว่าทำอะไรได้ ก็ต้องทำ เพื่อความปลอดไว้ก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image