สัมภาษณ์พิเศษ : ธฤต จรุงวัฒน์ เลขาธิการมูลนิธิไทย

ธฤต จรุงวัฒน์

“มติชน” ถือโอกาสที่ ท่านทูตธฤต จรุงวัฒน์ อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการมูลนิธิไทย พูดคุยถึงเป้าหมายในการทำงานของมูลนิธิไทยภายใต้การถือธงนำของเลขาธิการคนใหม่
///

มูลนิธิไทยเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มุ่งเน้นไปสู่ประชาชนในต่างประเทศ เพื่อให้เขามีความรู้สึกที่ดี นิยมชมชอบและมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับประเทศไทย นอกจากนี้ยังต้องดูเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย

อย่างในประเทศเพื่อนบ้าน เราทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับประเทศไทยในทางที่ถูกต้อง โดยอาจให้อาจารย์จากเพื่อนบ้านมาทำวิจัย หรือมีการสอนภาษาไทยในมหาวิทยาลัยของประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้ว เราจะไปต่อยอดโดยเชิญคนเหล่านี้มาไทยเพื่อให้ได้ฝึกใช้ภาษาและรู้จักประเทศไทยมากขึ้น เขาจะได้กลับไปเป็นตัวแทนที่ช่วยสะท้อนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเทศไทยให้กับคนในแวดวงของเขา

นอกจากนี้คนที่เรียนภาษาเพื่อนบ้านเขาก็เรียนเพื่ออนาคต เราอยากให้เขามีโอกาสในการทำงานในบริษัทห้างร้านของไทยที่ไปตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะช่วยเชื่อมโยงให้เขาได้ไปทำงาน หรือแม้แต่การเข้ามาทำงานในไทยผ่านบริษัทจัดหางาน เพราะเขามีความสามารถด้านภาษาที่จะสื่อสารกับเราได้ เมื่อเขามีองค์ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทยก็จะทำให้เขามีโอกาสในการทำงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะทำให้โครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาษาไทยเป็นที่นิยมในประเทศเพื่อนบ้าน

Advertisement

ภาษาไทยยังเป็นภาษากลางในการสื่อสารกับคนจากประเทศอื่นๆ ที่มาทำงานในที่เดียวกันได้อีกด้วย เพราะพวกเขาสามารถใช้ภาษาไทยคุยกันได้ นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเห็นว่านี่เป็นสิ่งที่ควรส่งเสริม และยังทำให้การลงทุนต่างๆ มองว่าควรจะมาลงในพื้นที่ที่มีคนรู้ภาษาอยู่มากด้วย

นอกจากนี้แล้วเรายังมีโครงการฤดูร้อนที่จะทำขึ้นเพราะอยากให้คนไทยที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีได้ไปเป็นอาสาสมัครในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่เพื่อแค่ให้พวกเขารู้จักเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังทำให้รู้จักประเทศไทยมากขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ทาง รู้เขารู้เรา มีโอกาสได้สัมผัสกันอย่างจริงจัง แทนที่จะรู้จักกันผ่านเอกสารเท่านั้น

หลักการพื้นฐานของการก่อตั้งมูลนิธิไทย เรามุ่งเน้นการ “แลกเปลี่ยน แบ่งปัน” เราอยากรู้ภาษาและวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่เขาก็อยากให้คนไทยไปประเทศของเขาด้วยเช่นกัน แต่เจตนารมย์หลักของมูลนิธิคือเราต้องการทำให้เกิดสิ่งที่ยั่งยืนกว่า ไม่ใช่แค่มีเพียงมิติด้านวัฒนธรรมเท่านั้น

Advertisement

ที่ผ่านมา งานของมูลนิธิไทยไม่ได้ทำเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่เรายังมีความร่วมมือกับอีกหลายประเทศ อาทิ ภูฏาน ประเทศในตะวันออกกลาง แม้แต่ในประเทศโมร็อกโก สถานทูตไทยก็ยังมีความตกลงแลกเปลี่ยนนักวิชาการกับมหาวิทยาลัยที่นั่น เขาสนใจอยากให้มีการศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยในประเทศของเขา มีคอร์สสอนภาษาไทย

สิ่งที่เราอยากทำคือการผลิตสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยลงไปในสื่อสังคมออนไลน์ อาทิ youtube และ facebook โดยพัฒนาร่วมกับสถาบันการศึกษาของไทย ซึ่งจะมีทั้งหลักสูตรพื้นฐานและหลักสูตรก้าวหน้า เพื่อเปิดโอกาสและขยายฐานให้กับผู้ที่สนใจเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังมากขึ้น

สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับประเทศเพื่อนบ้านด้วย อาทิ ผู้ที่ค้าขายอยู่ตามชายแดน ซึ่งโอกาสที่จะเดินทางไปเรียนในเมืองหลวงมีจำกัด แต่หากมีสื่อเช่นนี้เขาก็จะสามารถพัฒนาความรู้ด้านภาษาเพื่อให้เขาถึงสิ่งที่ต้องการได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปถึงในเมือง นี่คือด้านหนึ่งที่ตั้งใจจะทำขึ้น

ส่วนในประเด็นเรื่องภาพลักษณ์ประเทศไทยนั้น หน่วยงานต่างๆ ทั้งหมดของไทยก็ทำกันอยู่แล้ว สิ่งที่เราจะทำต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น เราตั้งใจที่จะพูดถึงความเป็นคนไทยและความเป็นไทยที่อยู่ในอาหาร ในจิตวิญญานของคนไทย และความเป็นไทยในมิติต่างๆ

เราพบว่าชาวต่างจำนวนมากที่เดินทางมาไทยจะกลับมาอีก ถ้าไปถามก็จะได้คำตอบว่าเหตุผลที่กลับมาไม่ใช่เพราะสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นเพราะอุปนิสัยใจคอของคนไทย ไม่ว่าคนจากชาติไหนๆ ที่มาแล้วมาอีก เขาก็มีความนิยมในคนไทยทั้งสิ้น แปลว่ามันคืออะไร มันคือมาเติมในสิ่งที่เขาขาด คือการให้เกียรติ การมีเมตตา การยอมรับ และเคารพในตัวบุคคล ซึ่งเป็นสิ่งที่โลกในเวลานี้ขาด ดีเอ็นเอของคนไทยคือเรามีความเอื้อเฟื้อ มีเมตตา และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนต่างชาติเห็นว่าคนไทยน่ารัก อีกทั้งคนไทยยังมีความอดทนอดกลั้นและใจเย็นกับแขกผู้มาเยือน

อย่างเรื่องความเป็นไทยในมวยไทย ตอนที่ผมเป็นทูตในแอฟริกาใต้ มีคนเดินมาบอกว่าลูกเกเร แต่พอไปเรียนมวยไทยกลับมาบ้านก็เปลี่ยนไปมาก กลายเป็นคนที่มีความเคารพผู้อื่น มีความรับผิดชอบ และมีวินัย นี่คือจิตวิญญานที่อยู่ด้วยกันในมวยไทย เราจะสื่อภาพเหล่านี้ของไทยออกไปให้โลกได้เห็น

นอกจากนี้ไทยเรายังมีวิถีพุทธ ซึ่งไม่ใช่ประเด็นเรื่องศาสนา แต่เป็นแนวคิดของพุทธ การฝึกตนและการปฏิบัติ เป็นคุณค่าและเป็นคำตอบที่จะมาทดแทนความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

หากมองไปไกลๆ ความฝันของเราคืออยากให้คนรู้สึกเมื่อได้ยินคำว่า “Thai” เป็นเหมือนคำว่า “Japan” หรือ “Korea” เพราะในความจริงไทยไม่ได้ด้อยกว่าใคร ความรู้สึกนี้มันมีอยู่แล้ว แต่เราจะทำให้ขยายวงออกไปไกลขึ้น ต้องเปิดโลกทัศน์ให้คนเข้าใจจุดเด่นของไทยในทุกด้าน ทั้งด้านวัฒนธรรมประเพณี(traditional) ความร่วมสมัย(contemporary) และอนาคต(futuristic)

 

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image