สัมภาษณ์ : อธิบดีกรมการกงสุล แจงมาตรการคัดกรองสกัดโควิด

ชาตรี อรรจนานันท์

หมายเหตุ “มติชน” การยกเลิกสิทธิการขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival หรือวีโอเอ) ที่ไทยให้แก่ประเทศและเขตเศรษฐกิจรวม 18 แห่ง บวกกับการยกเลิกสิทธิการเข้าประเทศไทยโดยไม่มีวีซ่า หรือผ.30 ของพื้นที่ที่เป็นเขตโรคติดต่อ ประกอบด้วยอิตาลี เกาหลีใต้ และฮ่องกง กลายเป็นประเด็นที่สร้างความสับสนวุ่นวายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล ได้เล่าให้ทราบถึงขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน
///

นับตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ ทั้งจากองค์การอนามัยโลก(ฮู) และข่าวการแพร่ระบาด ประเทศต่างๆ เริ่มมีมาตรการออกมา และค่อยๆ เข้มข้นถึงการปิดประเทศ ปิดพรมแดน ระงับการตรวจลงตรา ห้ามคนบางสัญชาติเดินทางเข้าประเทศ ในเบื้องต้นฮูยังบอกว่าไม่ควรจำกัดการเดินทาง ผ่านมาสักระยะเริ่มมีบางประเทศออกมาตรการต่อประเทศไทย มีการห้ามเดินทางเข้า หรือต้องผ่านการคัดกรอง

การพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศนั้น เราให้น้ำหนักในการพิจารณาทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนการที่ประเทศไทยพึ่งพาธุรกิจท่องเที่ยวมาก การดำเนินมาตการต่างๆ ย่อมมีผลกระทบ เราคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้มาตลอด จนถึงจุดหนึ่งก็คิดว่าต้องมีการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการคัดกรองเพื่อช่วยให้แพทย์และพยาบาลทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยมีการคัดกรอง 2 ชั้น คือการคัดกรองในประเทศ กับการคัดกรองจากต่างประเทศ จากเดิมที่มีเพียงการคัดกรองชั้นเดียว จึงเป็นที่มาของการเสนอให้มีการยกเลิกวีโอเอซึ่งทำให้เราคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้ามาไม่ได้ และหันกลับไปใช้ระบบปกติคือการยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ซึ่งจะทำให้เราใช้ทรัพยากรที่สนามบินน้อยลง

สำหรับวีโอเอนั้นเป็นมาตรการที่เราให้กับประเทศอื่นๆ ฝ่ายเดียว ดังนั้นการยกเลิกจึงสามารถทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปดูข้อกำหนดใดๆ ขณะที่ผ.30 คือการผ่อนผันการเข้าเมืองโดยไม่ต้องรับการตรวจลงตราเป็นเวลา 30 วัน เป็นเรื่องที่เราให้กับประเทศที่เราพิจารณาว่ามีความเสี่ยงน้อย เพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจหรือการเดินทาง ซึ่งมีมากกว่า 50 ประทเศ ก็เป็นมาตรการที่ไทยให้ฝ่ายเดียวเช่นกัน ในครั้งนี้เรายกเลิกเพียงบางประเทศ โดยดูจากประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับพื้นที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย

Advertisement

เมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นเช่นนี้ ในส่วนที่เป็นมาตรการที่ไทยให้ฝ่ายเดียว เราจึงสามารถยกเลิกได้ แต่การยกเลิกนี้เป็นมาตรการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น สิ่งที่รัฐบาลและที่ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมด้วยตัวเองได้พิจารณาอยู่บนเหตุผลนี้ อย่างไรก็ดีหากให้มีผลทันทีอาจส่งผลกระทบกับผู้เดินทางพอสมควร กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเวลาที่จะชี้แจงกับประเทศและเขตเศรษฐกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน

หลังการประชุมวันที่ 11 มีนาคม กระทรวงการต่างประเทศได้มีโทรเลขแจ้งสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกทราบเป็นการภายใน เพื่อให้แจ้งกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทราบอย่างเป็นทางการต่อไป อีกทั้งในทางปฏิบัติต้องมีการแจ้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ จึงต้องมีเวลาทั้งสำหรับการเตรียมตัวและการแจ้งมิตรประเทศ

ขั้นตอนที่ไทยทำก็สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะในวันที่ 11 มีนาคม ฮูก็ได้ประกาศให้โควิด-19 กลายเป็นโรคระบาดใหญ่ และยังไม่ขัดกับหลักเกณฑ์ของฮู เพราะเราไม่ได้จำกัดการเดินทางของคน เพียงแต่ขอให้กลับไปดำเนินการตามช่องทางขอวีซ่าปกติ

Advertisement

ลำดับต่อไปคือการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ อย่างผ.30 ก็ต้องไปดูลิสต์รายชื่อ ซึ่งได้หารือกับกระทรวงสาธารณสุขว่าให้ช่วยพิจารณาว่าใน 50 กว่าประเทศมีประเทศใดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีการแพร่ระบาดของโรค พิจารณาข้อเท็จจริงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงดูสถานการณ์ในประเทศต่างๆ ประกอบด้วย ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเป็นระยะต่อไป

๐ในส่วนของประเทศที่มีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางระหว่างกันอยู่ จะใช้หลักการพิจารณาเช่นเดียวกันด้วยหรือไม่

ต้องไปดูว่าในความตกลงแต่ละฉบับมีเงื่อนไขอย่างไร แต่จะจำเป็นต้องไปถึงจุดนั้นหรือไม่อยู่ที่ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการต่อ เราไม่ได้ระบุเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ขึ้นกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค หลายประเทศก็มีการดำเนินการที่แตกต่างกัน อาทิ ยกเว้นความตกลงเป็นการชั่วคราว ยกเลิกความตกลงฝ่ายเดียว ระยะยาวอาจต้องมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือในมิติต่างๆ อีก

๐ช่วงแรกดูจะมีความสับสนเกี่่ยวกับเวลาที่เริ่มบังคับใช้มาตรการยกเว้นวีโอเอและยกเลิกผ.30

มาตรการทั้งหมดมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 13 มีนาคม เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ทันทีที่ท่านลงนามในคำสั่งก็ถือว่ามาตรการเหล่านี้มีผลบังคับใช้ ในส่วนที่ผมให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ว่าต้องนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 17 มีนาคมนี้ก่อน เป็นเรื่องขั้นตอนทางธุรการที่กำหนดว่ามาตรการที่เป็นตัวกฎหมายจะต้องนำเข้าครม.ก็เท่านั้น

สรุปว่าทั้งหมดนี้เราไม่ได้ปิดประเทศ ไม่ได้ห้ามคนเดินทาง แต่ต้องมีใบรับรองจึงจะสามารถเดินทางได้ และมีการทำประกันสุขภาพเพราะเมื่อเจ็บป่วยขึ้นมาก็จะมีค่าใช้จ่ายสูง

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image