วิเทศวีถี : แปรวิกฤตเป็นหายนะ!

ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)เรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และพื้นที่มีการระบาดต่อเนื่อง ซึ่งกำหนดให้คนไทยที่เดินทางกลับประเทศต้องมีเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ คือในรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง หรือ Fit to Fly Healty Certificate และหนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทยที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ หรือกระทรวงการต่างประเทศไทย เป็นการดำเนินการที่เรียกเสียงก่นด่าจากคนไทยทั่วทุกมุมโลก และส่งสัญญานลบอย่างหนักต่อการบริหารจัดการและวางมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของรัฐบาลไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 สิ่งที่รัฐบาลทั่วโลกทำคือการดูแลคนชาติของตน เพราะไม่ว่าจะคำสั่งปิดเมือง ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น ห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ ปิดพรมแดน หรืออะไรก็แล้วแต่ ล้วนมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไม่ให้กระจายไปยังคนหมู่มาก เพื่อที่เราจะได้มีศักยภาพในการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับการแพร่ระบาดที่จะขยายวงกว้างขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต่างรู้ดีว่ากำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้

ในทางตรงข้ามกัน คำสั่งข้างต้นแม้จะอ้างว่าไม่ได้กีดกันไม่ให้คนไทยเดินทางกลับประเทศ แต่ในทางปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนไทยในต่างประเทศจะหาใบรับรองที่ว่ามาได้ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ของโลก ที่แม้แต่ในบางประเทศยังต้องปล่อยให้คนป่วยที่มีโอกาสรอดน้อยตายไปเสีย และเลือกที่จะรักษาคนที่พอจะมีโอกาสรอดเท่านั้น ขนาดคนไข้ที่ป่วยหนักยังล้นโรงพยาบาล แล้วแพทย์ที่ไหนจะมีเวลามานั่งออกใบรับรองสุขภาพตามที่กพท.ต้องการได้

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการไม่มีความรู้ความเข้าใจถึงความเป็นจริงที่ว่าประเทศจำนวนมากในโลกไม่ได้มีระบบสาธารณสุขเหมือนไทย โรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลรัฐ แพทย์ต้องเตรียมพร้อมสูงสุดเพื่อรักษาคนป่วยหนักจริงๆ ไม่ใช่ว่าใครมีเงินก็เดินเข้าโรงพยาบาลไปบอกให้ออกใบรับรองอย่างที่ต้องการได้ง่ายๆ เฉพาะหาใบรับรองสุขภาพก็ไม่รู้จะไปหามาจากไหนแล้ว ยิ่งมีเงื่อนเวลาว่าใบรับรองดังกล่าวต้องได้มาก่อนบินไม่เกิน 72 ชั่วโมงเข้าไปอีก จะไม่ให้ก่นด่าก็คงยาก

Advertisement

อีกทั้งหลายประเทศก็มีคำสั่งห้ามคนเดินทางออกนอกเคหะสถานแล้ว แค่เดินทางจากบ้านไปสนามบินยังเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย แล้วคนไทยที่อยู่ในประเทศที่ไม่มีสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ไทย จะให้เขาเดินทางไปขอเอกสารกันที่ไหน ต่อให้ทำออนไลน์ก็ต้องคิดด้วยว่า ขณะนี้งานของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยกำลังล้นมือ เพราะผลพวงจากคำประกาศของกพท. ที่มีขึ้นก่อนหน้าจะบังคับใช่เพียงไม่กี่วัน ทำให้คนไทยในประเทศต่างๆ ต้องรีบติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่เพื่อหาใบรับรองทั้ง 2 นี้มาใช้ในการเดินทาง แล้วจะไม่ให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นอย่างภาพที่เห็นหน้าสถานทูตไทยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษได้อย่างไร

สำหรับใครที่จะบอกว่า ประเทศอื่นๆ ไม่เห็นจะมีภาพวุ่นวายเหมือนในอังกฤษ แต่นั่นเพราะประเทศจำนวนมากสั่งห้ามการชุมนุมของผู้คนเกิน 5 คนขึ้นไป ไม่ใช่เพราะไม่มีปัญหา เพราะในความเป็นจริง ปัญหาที่ว่าเกิดขึ้นในทุกพื้นในต่างประเทศที่มีคนไทยไปอยู่ ในหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ สถานทูตได้รับความร่วมมือจากแพทย์หรือนักศึกษาแพทย์ไทยที่ไปเรียนต่อมาช่วยออกใบรับรองให้กับคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศได้ หรือที่รัสเซียที่สถานทูตได้ขอให้แพทย์รัสเซียมาออกใบรับรองให้ที่สถานทูตระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม จึงยังพอจะบรรเทาความวุ่นวายไปได้บ้าง แต่ในประเทศจำนวนมากการหาแพทย์ที่เป็นคนไทยหรือแพทย์ท้องถิ่นมาช่วยออกใบรับรองในลักษณะนี้ให้คือทำไม่ได้เลย

หนำซ้ำมีการประกาศกพท.ฉบับแรกแล้วอีกวันหนึ่งก็ออกประเทศฉบับ 2 มาแก้ไข และเลื่อนเวลาที่จะให้คำสั่งมีผลบังคับใช้ออกไปอีก 1 วันเป็นวันที่ 22 มีนาคม ก็ทำให้บางคนเสียเงินฟรีกับการเร่งหาตั๋วซึ่งมีราคาแพงขึ้นมากในขณะนี้ เพราะเที่ยวบินจำนวนมากยกเลิกหรือลดเที่ยวบินระหว่างประเทศลงไปมาก และถ้ายิ่งทอดเวลาออกไป การหาทางเดินทางกลับประเทศก็จะยิ่งทำให้ยากลำบากมากขึ้น แล้วได้นึกถึงคนไทยในต่างประเทศที่ไปเที่ยวหรือไปเยี่ยมเยียนญาติมิตรและวีซ่ากำลังจะหมดหรือไม่ ถ้าพวกเขาหาใบรับรองที่ว่ามาไม่ได้ ก็ต้องกลายเป็นคนที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย ล่องลอยเป็นสัมภเวสีไม่มีที่จะไปในต่างแดนกระนั้นหรือ

Advertisement

การสกัดไม่ให้คนต่างชาติเข้ามาในไทยเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่การกระทำใดๆ ที่เป็นเหมือนกับสกัดไม่ให้คนไทยกลับบ้านเกิดนั้นไม่อาจรับได้ จะอย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำเช่นนี้ก็ทำให้คนมองเหมือนว่าเป็นการกีดกันคนไทยไม่ให้กลับประเทศกรายๆ

หนึ่งในหน้าที่ของรัฐบาลทุกชาติ คือการดูแลคนของประเทศตนเองไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก แต่คำสั่งของกพท.ดังกล่าวทำให้เกียรติภูมิของประเทศไทยตกต่ำ คล้ายกับเราไร้มนุษยธรรมและลอยแพคนไทยในต่างประเทศ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมีแต่จะบอกให้คนของเขารีบกลับมา มากักบริเวณตนเองอยู่ในประเทศ และอย่าเดินทางออกไปในต่างประเทศในช่วงนี้

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยิ่งตอกย้ำภาพของการทำงานแบบสับสน และแว่วว่าแม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเตือนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแล้วล่วงหน้า แต่ก็ดูว่าผู้ตัดสินใจจะไม่ค่อยรับฟังเท่าใดนัก สะท้อนการทำงานทุกวันนี้ขาดการบูรณาการและการรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง

คนตัดสินใจไม่ได้เป็นคนที่ต้องไปแก้ไขปัญหาหน้างาน กลับปล่อยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปหาทางออกกันเองตามยถากรรม

เวรกรรมประเทศไทย

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image