สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จากการคำนวณของเอเอฟพี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เวลา 18.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย พบว่ายอดผู้เสียชีวิตจาก “โควิด-19” ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเกินกว่า 15,000 รายแล้ว อยู่ที่ 15,189 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในยุโรปสูงถึง 9,197 ราย โดยอิตาลีถือว่าหนักสุด คือมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงถึง 5,476 ราย ตามด้วยประเทศจีน ประเทศต้นกำเนิดของโรค ที่มีอยู่ 3,270 ราย ตามด้วยสเปน ที่ตามติดมาเป็นอันดับ 3 อยู่ที่ 2,182 ราย
โดยกระทรวงสาธารณสุขสเปนแถลงวันเดียวกันว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สเปนมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 462 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในสเปนอยู่ที่ 2,182 ราย หรือเพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมในสเปนได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 33,089 ราย กลายเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ร้ายแรงที่สุดนอกประเทศจีนในขณะนี้
ขณะที่รอยเตอร์รายงานว่า อิสราเอลมีรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นรายแรกของประเทศ เป็นชายวัย 88 ปี ที่มีอาการป่วยอยู่แล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลแถลงว่า ผู้ป่วยรายนี้ถูกนำตัวไปโรงพยาบาลชาแอร์ เซเด็ก ในกรุงเยรูซาเลม เมื่อราว 1 สัปดาห์ก่อนด้วยอาการโคม่า
โดยอิสราเอลมีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว 705 ราย ส่วนใหญ่มีอาการไม่หนักมาก และมีผู้ป่วยที่อาการหนักอยู่ราว 10 ราย และหายดีแล้ว 15 ราย
ส่วนที่สาธารณรัฐเช็ก มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายแรกของประเทศแล้วเช่นกัน โดยนายอดัม วอจเทค รัฐมนตรีสาธารณสุขเช็ก เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นชายวัย 95 ปี ที่เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา หลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 18 มีนาคม และตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัส ซึ่งผู้ป่วยรายนี้มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วด้วย
ทั้งนี้ สาธารณรัฐเช็กมีรายงานผู้ที่ป่วยโควิด-19 ที่ยังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 74 คน ในจำวนนี้มีอาการหนัก 19 คน
โดยเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ประเทศซีเรียมีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นหญิงวัย 20 ปี ที่อยู่ระหว่างการกักตัวเพื่อดูอาการเป็นเวลา 14 วัน และต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่