เมื่อวันที่ 24 มีนาคม สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ค่ายรถยักษ์หลายแห่งหันปรับโรงงานผลิตรถยนต์ของตนเองมาผลิตหน้ากากอนามัยและเครื่องช่วยหายใจแทนในช่วงเวลานี้ หลังจากมีเสียงร้องขอความร่วมมือจากรัฐบาลหลายชาติให้ช่วยผลิตอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ดังกล่าวที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก เพื่อรับมือต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
จากการเปิดเผยของไมค์ แมนลีย์ ซีอีโอของบริษัทเฟียต ค่ายรถยักษ์สัญชาติอิตาลี ระบุว่า ทางเฟียตได้เริ่มปรับโรงงานที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน เพื่อผลิตหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้นต่อเดือน คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ภายในไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า
ขณะที่ค่ายเจเนรัลมอเตอร์ (จีเอ็ม) ฟอร์ด และเทสลา ค่ายรถยักษ์สัญชาติอเมริกัน รับปากที่จะช่วยสนับสนุนการผลิตอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ เช่นเดียวกับค่ายรถนิสสัน ของญี่ปุ่น และทีมงานของฟอร์มูลาวันในอังกฤษ
ก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์รายใหญ่ทั้งในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย ได้หยุดการผลิตรถยนต์ไปแล้ว หลังจากเกิดปัญหาการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 แต่ให้คำมั่นว่าจะช่วยผลิตเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์การแพทย์สำคัญอื่นๆ ที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนอย่างหนัก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ทวีตเมื่อวันอาทิตย์ (22 มี.ค.) ว่า ฟอร์ด เจเนรัลมอเตอร์ และเทสลา กำลังเดินหน้าผลิตเครื่องช่วยหายใจและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ทำจากโลหะอื่นๆ
เป็นท่าทีของผู้นำสหรัฐที่มีขึ้นหลังจากสำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐประกาศจะลดอุปสรรคขั้นตอนของการขออนุมัติการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ในการเร่งการผลิตเครื่องช่วยหายใจที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในขณะนี้ได้รวดเร็วขึ้น
