เมื่อวันที่ 24 มีนาคม มีรายงานว่า ที่ฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รถโดยสารหลายคันทำการเคลื่อนย้ายผู้อพยพหลายร้อยคนออกจากไปค่ายผู้อพยพในเขตโอแบร์วิลิเยร์ ทางตอนเหนือของกรุงปารีส ตั้งแต่รุ่งสางของวันที่ 24 มีนาคม ให้ไปอยู่ที่สนามกีฬาและโรงแรมต่างๆในกรุงปารีสและตามชานเมืองที่จัดเตรียมไว้รองรับ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวแรกของทางการฝรั่งเศสในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหมู่คนเร่ร่อนไร้บ้าน ท่ามกลางรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่จากเชื้อโควิด-19 ที่มีเพิ่มขึ้นอีก 240 ราย หรือเพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในฝรั่งเศสขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1,100 รายแล้ว ดันให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ 5 ที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกินกว่า 1,000 ราย นอกเหนือจากจีน อิตาลี อิหร่าน และ สเปน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 22,300 ราย หรือเพิ่มขึ้นมา 12 เปอร์เซ็นต์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
นายเฌอโรม ซาโลมง ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของฝรั่งเศส แถลงถึงยอดผู้เสียชีวิตและยอดติดเชื้อสะสมข้างต้น โดยกล่าวอีกว่าในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยที่อาการหนัก 2,516 ราย ที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ถึง 21 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขณะนี้ฝรั่งเศสมีเตียงในโรงพยาบาลที่ติดเครื่องช่วยหายใจอยู่จำนวน 8,000 เตียง
ด้านคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ที่คอยให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลในการรับมือกับโรคระบาด กล่าวเตือนว่า มาตรการล็อคดาวน์หรือปิดเมืองที่ฝรั่งเศสประกาศใช้เมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 ควรจะต้องบังคับใช้ไปต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์นับจากมีผลเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องขยายมาตรการนี้ออกไปจากที่ตอนแรกจะใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์
