สำนักข่า่วรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 27 มีนาคมว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เห็นชอบกับมาตรการใหม่ในการจำกัดการจัดส่งชิปไปยังบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ของจีน โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า ภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว บริษัทต่างชาติที่ใช้อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับผลิตชิปในสหรัฐ จะต้องได้รับอนุญาตจากสหรัฐก่อนหน้าที่จะส่งไปให้หัวเว่ย
ข่าวระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับปักกิ่งมีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่างออกมากล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นต้นตอของไวรัสร้ายที่เป็นต้นเหตุของโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักทั่วโลกในขณะนี้ และยังมีประเด็นเรื่องการขับไล่นักข่าวของแต่ละฝ่ายออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ หนึ่งในแหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อปรับลดการขายชิปให้แก่หัวเว่ย ของบริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ เมนูแฟกเจอริ่ง (ทีเอสเอ็มซี)บริษัทผู้ผลิตชิปหลักของแผนก ไฮซิลิคอน ของหัวเว่ย และยังเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะลงนามในคำสั่งเปลี่ยนแปลงดังกล่าวหรือไม่ หลังจากแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อเสนอดังกล่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงจริงก็จะกระทบทั้งกับหัวเว่ย ทีเอสเอ็มซี รวมทั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาเองด้วย
โดยนายดัก จาค็อบสัน ทนายความด้านการค้า กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลลบต่อบริษัทของสหรัฐมากกว่าหัวเว่ย เนื่องจากหัวเว่ยเองก็จะพัฒนาการผลิตชิปเอง ที่สุดแล้ว หัวเว่ยก็จะพบทางเลือกอื่นแทน
