คนจนอินเดียโวยรัฐบาลหนัก ล็อคดาวน์ทำไม่มีกิน หางานทำไม่ได้ แห่เดินเท้า 3 วันกลับบ้าน
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ต้องออกมาแถลงขออภัยจากการที่สั่งปิดตายทั่วประเทศเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ทำให้เกิดความเดือดร้อน หนักหนาสาหัสไปทั่ว แต่ยังคงยืนกราน เป็นมาตรการที่จำเป็นในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ที่ “จำเป็นต้องได้รับชัยชนะ”
นายโมดี แถลงผ่านรายการวิทยุที่ถ่ายทอดออกไปทั่วประเทศเป็นประจำทุกเดือน ขออภัยที่ทำให้ทุกคนโดยเฉพาะคนยากจนประสบความยากลำบากในการใช้ชีวิต หลังจากประกาศมาตรการเฉียบขาด ห้ามประชากร 1,300 ล้านคนออกนอกบ้าน ปิดการทำงานทุกอย่าง นอกจากกิจกรรมที่จำเป็นอย่างเช่นการไปจ่ายตลาด หรือร้านขายยา และแม้ว่าจะมีความพยายามเปิดศูนย์แจกจ่ายอาหารให้กับคนยากจน โดยเฉพาะแรงงานย้ายถิ่นที่เดินทางเข้ามาทำงานรับจ้างรายวันเป็นจำนวนมากในตัวเมืองใหญ่ต่างๆ รวมทั้งในกรุงนิวเดลี แต่ก็ไม่พอเพียง จนเกิดกระแสไม่พอใจเกิดขึ้นทั่วไป
เป้าหมายของการล็อคดาวน์ทั่วอินเดียดังกล่าว มีขึ้นเพื่อชะลอการระบาดให้ช้าลงให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขของอินเดียแบกรับภาระเกินกำลัง เพราะในยามปกติระบบก็ตึงมืออยู่แล้ว ทั้งนี้ในเวลานี้อินเดียมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วเพียง 867 คน แต่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 25 คนแล้ว
การล็อคดาวน์กระทันหันนี้ ส่งผลให้แรงงานย้ายถิ่นตกค้างอยู่ในเมืองหลายแสนคน ในสภาพที่ไม่มีรายได้ ไม่มีเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว แรงงานเหล่านี้เข้ามารับจ้างรายวัน ขับสามล้อรับจ้าง, ทำงานบ้าน, ทำงานก่อสร้างและอื่นๆ ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 85 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานที่มีการจ้างงานทั้งหมด
แรงงานย้ายถิ่นเหล่านี้พากันรวมกลุ่มกันเดินเท้าออกจากเมืองเพื่อกลับบ้านเกิด หอบหิ้วข้าวของส่วนตัวใส่ถุงพลาสติก จับกลุ่มกันเดินเท้าเป็นระยะทางไกลหลังจากการขนส่งสาธารณะทั้งหมดถูกปิดตายตามมาตรการ บางคนบอกว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 2-3 วันสำหรับการเดินเท้ากลับบ้าน
