เมื่อวันที่ 30 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกมีรวมกันพุ่งทะลุ 7 แสนรายแล้ว โดยข้อมูลรายงานกรณีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อย่างเป็นทางการ ที่รวบรวมโดยศูนย์วิจัยซีเอสเอสอี ของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอพกินส์ (เจเอชยู) ระบุว่า ณ เวลา 16.45 น.ของวันที่ 30 มีนาคม ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มเขึ้นเป็น 34,041 รายแล้ว ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 724,945 ราย โดยมีผู้ที่รักษาหายแล้วจำนวน 152,314 ราย
โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในโลก มียอดสะสมอยู่ที่ 143,055 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 2,514 ราย ตามมาด้วยอิตาลีที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 97,689 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10,779 ราย ซึ่งอิตาลียังคงรั้งประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก ส่วนจีน ที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มพบการระบาดช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากเป็นอันดับ 3 มีอยู่ที่ 82,156 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3,304 ราย
และล่าสุด เบลเยียมมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในประเทศ ทะลุหลัก 500 แล้วในวันเดียวกันนี้ โดยมีอยู่ที่ 513 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้นเป็น 11,899 ราย ขณะที่อิหร่านรายงานมีเสียชีวิตรายใหม่อีก 117 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอิหร่านเพิ่มเป็นทั้งสิ้น 2,757 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 3,186 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมมีรวม 41,495 ราย
ด้านสเปนยืนยันมีผู้เสียชีวิตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 29 มีนาคมว่า มีเพิ่มอีก 812 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในสเปนเพิ่มเป็น 7,340 ราย แต่เป็นจำนวนผู้เสียชีวิตใน 24 ชั่วโมงที่ลดลงของสเปนนับจากวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา