สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 มีนาคมว่า ราคาน้ำมันดิบโลกดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี หลังจากหลายประเทศสั่งปิดเมือง ห้ามออกนอกบ้าน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ส่งผลให้อุปทานตลาดล้นเกินความต้องการ เริ่มมีปัญหาคลังเก็บน้ำมัน และยังไม่มีแนวโน้มจะหายไปในระยะสั้นๆ
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซื้่อขายล่วงหน้าในตลาดลอนดอน ลดลงมากถึง 7.6 เปอร์เซ็นต์ ดิ่งลงสู่ระดับ 23.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2002 เป็นต้นมา ก่อนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 23.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอซื้อขายล่วงหน้าที่ตลาดนิวยอร์ก ตกลงต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกที่ 19.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนปรับขึ้นมาเป็น 20.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โกลด์แมนแซคส์ วาณิชธนกิจระดับโลก ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลงต่ำกว่าระดับ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในเดือนสองเดือนข้างหน้านี้
วันเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียเริ่มสัปดาห์ใหม่ดิ่งลงอีกครั้งเพราะปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงแต่กลับเพิ่มสูงขึ้นในประเทศเศรษฐกิจสำคัญหลายประเทศ ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นลดลง 3 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ตลาดออสเตรเลีย ดีดขึ้นแรงถึง 7 เปอร์เซ็นต์ หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการต่อต้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยนายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอริสัน กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลต้องการรักษาเครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศให้ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวิกฤตการระบาดครั้งนี้
ดัชนีคอสปิ ของเกาหลีใต้ เปิดตลาดร่วงลงอย่างหนักก่อนมีแรงช้อนซื้อเข้ามา ทำให้ปิดตลาดในแดนบวก 0.4 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ลดลง 0.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนดัชนีหั่งเส็งในฮ่องกง ก็ลดลง 0.4 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกัน
ตลาดไต้หวัน และในเอชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน ในขณะที่ดัชนีเซนเซกซ์ ของอินเดียลดลงมากถึง 2 เปอร์เซ็นต์
ราคาทองคำสปอต ที่สิงคโปร์ อ่อนตัวลงเล็กน้อย 0.5เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 1,620.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากทำสถิติขยับขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดต่อสัปดาห์นับตั้งแต่ปี 2008 เรื่อยมา
