ไอเอ็มเอฟชี้ ‘โควิด’ ทำโลกเผชิญ ‘ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของมนุษยชาติ’

(แฟ้มภาพ) คริสตาลินา กอร์เกียว่า AFP

นางคริสตาลินา กอร์เกียว่า กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนถึงผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะงักงันและตกอยู่ในภาวะถดถอยที่จะเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อครั้งเกิดวิกฤตการเงินโลกเมื่อทศวรรษก่อนหรือช่วงปี ค.ศ.2008-2009 และเรียกช่วงเวลานี้ว่าเป็น “ช่วงเวลาอันมืดมนที่สุดของมนุษยชาติ”

นางกอร์เกียว่ากล่าวเตือนในระหว่างแถลงข่าวร่วมกับองค์การอนามัยโลก (ฮู) เมื่อวันที่ 3 เมษายน เรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วดำเนินความพยายามเพิ่มมากขึ้นในการช่วยเหลือตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้รอดพ้นจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

“นี่คือวิกฤตการณ์ที่ไม่เหมือนครั้งไหน เรากำลังเห็นเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะชะงักงัน และเรากำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเลวร้ายกว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อน” นางกอร์เกียว่ากล่าว

ผู้บริหารไอเอ็มเอฟกล่าวด้วยว่า ไอเอ็มเอฟกำลังทำงานร่วมกับธนาคารโลกและฮูเพื่อเรียกร้องให้จีนและประเทศที่เป็นเจ้าหนี้อื่นๆ ระงับการเก็บดอกเบี้ยจากประเทศยากจนอย่างน้อย 1 ปี จนกว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนาจะลดลง ซึ่งจีนให้ความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ โดยขณะนี้มีกว่า 90 ประเทศ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของสมาชิกไอเอ็มเอฟ 189 ประเทศ ที่ร้องขอเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจากไอเอ็มเอฟเพื่อรับมือกับโควิด-19

Advertisement

ด้านนายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลก กล่าวว่า นอกจากผลกระทบด้านสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว โลกกำลังเผชิญกับการถดถอยครั้งใหญ่ ทั้งนี้ เขาเห็นว่าการพักชำระหนี้น่าจะเริ่มต้นขึ้นได้ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เพื่อช่วยให้ประเทศยากจนมีสภาพคล่องมากขึ้น ระหว่างการพักชำระหนี้ ธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟจะร่วมกันประเมินสถานะหนี้สินของประเทศต่างๆ รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการขอลดหย่อนหนี้กับประเทศหรือหน่วยงานที่ให้กู้ยืมต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image