สำนักข่าวจีจิเพรสของญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียว รวมถึงอีก 6 จังหวัดของญี่ปุ่น ในวันที่ 7 เมษายนนี้ เพื่อควบคุมการแพทยระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19
ทั้งนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นมีมากกว่า 4,000 คน และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 93 ราย แม้จะดูเหมือนเป็นจำนวนที่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับในอีกหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก แต่จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงโตเกียว ซึ่งพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 คน และเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเฉพาะในกรุงโตเกียวถึง 83 คน
นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการปิดเมืองเช่นเดียวกับหลายประเทศ โดยรถไฟยังคงให้บริการตามปกติ เช่นเดียวกับซุปเปอร์มาร์เก็ตที่จะยังคงเปิดขายของ แต่การประกาศภาวะฉุกเฉินจะเปิดทางให้รัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อ รวมถึงการรับประกันเสถียรภาพของเศรษฐกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวจะกินเวลาราวหนึ่งเดือน และรัฐบาลท้องถิ่นจะขอให้ประชาชนอยู่ในบ้านพักและมีการระงับการทำธุรกิจ อย่างไรก็ดีจะไม่มีการลงโทษตามกฏหมายต่อผู้ที่ไม่ดำเนินการ โดยมาตรการเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับแรงกดดันจากสังคมรอบข้าง และการให้ความเคารพต่อทางการ
ขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 108 ล้านล้านเยน ซึ่งรวมถึงการมอบเงินสด 6 ล้านล้านเยนให้กับประชาชนและธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่อีก 26 ล้านล้านเยน จะนำไปใช้ในเรื่องความมั่นคงทางสังคมและมาตรการด้านภาษี
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลญี่ปุ่นได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชน โดยการจัดทำโพลของทีบีเอสพบว่า 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่าอาเบะควรต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีเพียง 12% เท่านั้นที่เห็นว่าไม่มีความจำเป็น ขณะที่คะแนนนิยมในตัวเขาเพิ่มขึ้น 5.7 จุดจากเดือนที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 43.2%
