เมื่อวันที่ 13 เมษายน สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 1 ใน 3 ยักษ์ใหญ่ของโลก เผยแพร่ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับประเทศไทยครั้งล่าสุดในท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยยังคงอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้นในสกุลเงินตราต่างประเทศของไทยไว้ที่ BBB+ และ ในสกุลเงินท้องถิ่นที่ A-/A-2 แต่ได้ทบทวนภาพรวมของประเทศมาอยู่ที่ระดับ “มีเสถียรภาพ(stable)” ลดลงจากระดับภาพรวม “เป็นบวก(postive)” ในการจัดอันดับก่อนหน้านี้้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมปีที่ผ่านมา
เอสแอนด์พีระบุว่า การปรับลดภาพรวมดังกล่าวสืบเนื่องจากกการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นและทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งน่าจะส่งผลให้การเปลี่ยนผ่านงการเมืองไปสู่รัฐบาลพลเรือนเต็มรูปแบบ ชะลอช้าลงไปใน 12 เดือนข้างหน้า แต่อาจมีการทบทวนเรตติ้งในส่วนนี้หากมีความแน่นอนมากขึ้น เกี่ยวกับวิวัฒนาการของระบบพหุพรรคภายใต้การจัดการซึ่งเกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจปรับลดเรตติ้งทางเศรษฐกิจของไทยลง หากการฟื้นฟูเศรษฐกิจเชื่องช้าและอ่อนแอตามที่ทางเอสแอนด์พีคาดการณ์เอาไว้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดแรงกดดันในการกำหนดนโยบายและอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกะทันหันขึ้นตามมา
ทั้งนี้เอสแอนด์พีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของไทยติดลบอย่างรุนแรงในปีนี้สืบเนื่องจากการแพร่ระบาด โดยเฉพาะภาคบริการซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการหดตัวของการเดินทางท่องเที่ยวอย่างมาก, ความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้น หลังการประกาศภาวะฉุกเฉินและการจัดการทางการเมืองในรูปแบบปัจจุบันจะถูกทดสอบทั้งจากภาวะการแพร่ระบาดและภาวะเศรษฐกิจทรุดตัว
