ตลาดในเอเชียทั้งตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันดิบพากันอ่อนตัวลงในการซื้อขายตลอดวันที่ 15 เมษายนนี้ เอเอฟพีระบุว่า เป็นการลดต่ำลงสวนทางกับตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวสูงขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์เมื่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐอเมริกาเริ่มส่งสัญญาณลดลง ในจุดที่เคยมีการระบาดหนักก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะที่นิวยอร์ก
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ทั่วไปยังคงเชื่อว่า ตลาดยังคงไม่ถึงจุดพลิกผันเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะเมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะติดลบมากถึง 5.9 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1930
ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้กลับมาปิดตลาดในแดนลบ 0.6 เปอร์เซ็นต์ ฮ่องกงปิดตลาดลดลง 1.2 เปอร์เซ็นต์แม้ว่าตัวเลขส่งออกของจีนจะลดลงน้อยกว่าที่คาดก็ตาม
ตลาดโตเกียวก็ปิดลบ 0.5 เปอร์เซ็นต์ หลังจากดีดตัวขึ้นแรงในช่วงซื้อขายก่อนหน้าจากปัญหาค่าเงินเยน ซิดนีย์ปิด ลดลง 0.4 เปอร์เซ็นต์ สิงคโปร์ลบ 0.3 เปอร์เซ็นต์
ราคาน้ำมันในตลาดเอเชียที่เริ่มต้นสัปดาห์ปรับตัวขึ้นสูง หลังความตกลงลดปริมาณการผลิตครั้งใหญ่ของกลุ่มโอเปคพลัส ยุติสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบีย-รัสเซียไปก่อนหน้านี้ แต่อ่อนตัวลงมากขึ้นตามลำดับ จนลงถึงระดับต่ำกว่าระดับราคาก่อนหน้าที่จะมีความตกลงกันแล้ว เมื่อนักลงทุนพากันเกรงว่าปริมาณที่ปรับลดยังไม่สามารถชดเชยการลดลงมหาศาลของอุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลกที่ลดลงถึง 30 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือราว 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบล้นคลังสำรองทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิบชนิดเบรนท์ ลดลง 3.14 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 28.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอ ลดลงอีก 2.2 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 20 ดอลลาร์ ที่ 19.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำ เปิดตลาดที่ 1,754.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ปิดตลาดลดลง 1.73 เปอร์เซ็นต์ หรือ 30.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาอยู่ที่ 1,734.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
