เมื่อวันที่ 16 เมษายน เว็บยาฮูรายงานว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 35 ปี ทรงร่วมสนทนาผ่านวิดีโอคอลกับพ่อแม่คู่หนึ่ง พร้อมด้วยนางพยาบาลที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษในการดูแลผู้ป่วยเด็กที่มีอาการป่วยเรื้อรัง และป่วยหนัก แล้วยังมีหนึ่่งในคณะผู้บริหารองค์กรการกุศลเวลล์ไชลด์ (WellChild) ซึ่งให้การดูแลเด็กที่ป่วยหนักและเยาวชนในอังกฤษร่วมสนทนาด้วย
ข่าวระบุว่า เจ้าชายแฮร์รี ทรงให้กำลังใจและชื่นชมพ่อแม่ที่มีลูกป่วยหนัก ป่วยเรื้อรังที่ต้องดูแลว่าเป็นพ่อแม่ที่เข้มแข็งมาก ยิ่งในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่การไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา หรือรับยาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กรการกุศล WellChild ตรัสว่า “ดีใจมากที่ได้เห็นหน้าคนคุ้นเคยอยู่ตรงนี้ การปรับตัวและความเข้มแข็งของผู้คนนั้นสุดยอดมาก แต่คุณต้องอย่าลืมว่า แน่นอนมันจะต้องมีวันแย่ๆอีก ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะหนักขนาดไหนสำหรับพวกคุณ ผมแค่มีลูก 11 เดือนแค่คนเดียว ยังหนัก เอาการ”
ทั้งนี้เจ้าชายแฮร์รี ยังเล่าถึงช่วงเวลานี้ที่ทรงเก็บตัวอยู่บ้านในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา กับ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หรือ เมแกน มาร์เคิล พระชายา พร้อมด้วย อาร์ชี พระโอรสพระชันษา 11 เดือนว่า “มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมากมาย และถือเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัวมากๆ จนหลายคนอาจจะคิดว่า ฉันควรจะรู้สึกผิดที่ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากไปหรือเปล่า? ผมคิดว่า คุณควรจะยินดี มีความสุขกับช่วงเวลาเหล่านั้น ที่คุณได้นอนกลิ้งอยู่บนพื้น และยังจะมีเรื่องอื่นๆ อีกที่คณต้องเจอ และคุณไม่มีทางจะหนีพ้น”
ข่าวระบุุว่าระหว่างการสนทนากลุ่มที่ใช้เวลาราว 30 นาที เจ้าชายแฮร์รีทรงรับฟังการทำงานของ WellChild ในการรับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบ และสร้างความกดดันอย่างมากต่อครอบครัวและผู้ให้การดูแลผู้ป่วยเด็กที่เจอปัญหาทั้งการเข้าถึงการได้รับการรักษาทางการแพทย์ การป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ติดผู้ป่วยที่อ่อนแอ เปราะมาก และครอบครัว แล้วยังปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเก็บตัวอยู่บ้าน
เมื่อถูกถามว่า แล้วพระองค์ทรงทำอย่างไรในช่วงเวลานี้ เจ้าชายแฮร์รี ตรัสว่า “มันก็ไม่แย่เกินไป ผมรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ไม่ปกติ ทุกคนกำลังเผชิญกับสิ่งเดียวกันในวิถีทางที่เฉพาะตัวมากๆ ของแต่ละคนแต่ยิ่งนานวันไป ผมคิดว่ามันยิ่งจะหนักขึ้นสำหรับทุกคน ดังนั้นทั้งหมด ทั้งปวงมันขึ้นอยู่กับกำลังใจ ถ้าเรามีกำลังใจดี ถ้าคุณตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วบอกกับตัวเองว่า นี่คือวันใหม่ ฉันมีครอบครัวอยู่ตรงนี้ แล้วเราจะทำอะไรกันดี? แน่นอนว่าอาจจะมีความกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นและมีเรื่องที่อยู่เหนือความควบคุมของเรามากมาย แต่แล้วทันใดนั้นเราก็จะตระหนักได้ว่า เราเป็นสิ่งที่เล็กมากขนาดไหนในเรื่องใหญ่ๆมากมาย “
