จำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศอิตาลีเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 433 ราย ซึ่งถือว่าเป็นยอดผู้เสียชีวิตที่ต่ำที่สุดในหนึ่งสัปดาห์ และลดลงจากยอดผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้ที่ 575 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ลดลงเหลือเพียง 3,047 คนจาก 3,491 คนในหนึ่งวันก่อนหน้าเช่นกัน
ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอิตาลีในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะอยู่ในภาวะคงที่แล้ว โดยจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดน่าจะเป็นปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่าการลดลงของตัวเลขจะไม่รวดเร็วอย่างที่คาดหวัง หลังอิตาลีบังคับใช้มาตรการปิดเมืองมายาวนานถึง 6 สัปดาห์แล้วก็ตาม
ขณะนี้อิตาลียังคงสั่งให้มีการปิดเมืองไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม และยังไม่มีแผนการที่ชัดเจนว่าจะมีการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวออกไป หรือจะค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนต่อไปในอนาคต
ส่วนที่สเปน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หนักที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายใหม่ก็เพิ่มขึ้น 410 ราย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการเสียชีวิตที่ต่ำที่สุดในรอบหนึ่งเดือน นับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา และห่างไกลจากตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันที่สูงที่สุดซึ่งพบเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่มากถึง 950 ราย
ขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตรวมในสเปนอยู่ที่ 20,453 ราย ถือเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและอิตาลี
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีสเปนระบุว่า จะขอรัฐสภาให้มีการขยายเวลาปิดเมืองไปจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม แต่จะมีการผ่อนคลายมาตรการบางอย่างมากขึ้น
อย่างไรก็ดีการลดลงของตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวทำให้ผู้คนมีความหวังว่ารัฐบาลจะเร่งผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ซึ่งได้มีการดำเนินการบางส่วนไปแล้วในสัปดาห์นี้ โดยอนุญาตให้มีการเปิดธุรกิจบางส่วนได้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงได้รับคำสั่งให้กักบริเวณอยู่แต่ในบ้านพักเว้นแต่การทำกิจกรรมที่จำเป็น อาทิ ซื้ออาหาร
ขณะที่นับตั้งแต่วันที่ 27 เมษายนเป็นต้นไป เด็กชาวสเปนจะได้รับอนุญาตให้ออกนอกบ้านเป็นช่วงเวลาสั้นๆ โดยจะมีการหารือรายละเอียดในการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ก่อน ทั้งยังมีรายงานด้วยว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะให้ประชาชนสามารถออกกำลังกายนอกบ้าน รวมถึงยินยอมให้ผู้ชราออกมาเดินนอกบ้านได้ในอนาคต
