สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายเอริค ชมิดท์ รัฐมนตรียุติธรรมแห่งรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน แถลงเมื่อวันที่ 21 เมษายน นี้ว่า ได้ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งต่อศาลรัฐบาลกลาง ให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลประเทศจีน ฐานปกปิด แจ้งข้อมูลเป็นเท็จต่อโลก เกี่ยวกับอันตรายและธรรมชาติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจขนานใหญ่ต่อรัฐมิสซูรี ทั้งนี้การฟ้องร้องดังกล่าวทำในนามของรัฐมิสซูรีและประชาชนของรัฐ
กรณีนี้กลายเป็นครั้งแรกในโลกที่รัฐหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากอีกประเทศหนึ่ง
ทั้งนี้ นายเกิ้ง ส่วงโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาตามคำฟ้องดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 เมษายนนี้ว่า เป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง ไม่มีมูลทั้งในแง่ของข้อเท็จจริงและมูลฟ้องร้องทางกฎหมายแต่อย่างใด โดยระบุว่า การดำเนินการเช่นนี้ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ ในการแก้ปัญหาการระบาดในสหรัฐ และยังเป็นการขวางทางการร่วมมือระหว่างประเทศอีกด้วย ศาลสหรัฐควรปฏิเสธและยกคำฟ้องนี้
รอยเตอร์รายงานว่า ในถ้อยแถลงตอนหนึ่งระบุว่า “รัฐบาลจีนโกหกต่อโลกเกี่ยวกับอันตรายและธรรมชาติการแพร่ระบาดของโควิด-19, ปิดปากผู้ที่เปิดโปงเรื่องนี้, และดำเนินการน้อยมากในอันที่จะยับยั้งไม่ให้โรคนี้แพร่ระบาดออกไป” ก่อนที่จะสรุปว่า จีนจำเป็นต้องรับผิดชอบกับพฤติกรรมของตนชดเชยความเสียหายให้กับรัฐมิสซูรี
ในตอนหนึ่งของคำฟ้องยังกล่าวหารัฐบาลจีนด้วยว่า ทำให้การแพร่ระบาดยิ่งแย่ลงมากขึ้นด้วยการกักตุนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์และอุปกรณ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อของบุคคล (พีพีอี) อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศหลายคนระบุตรงกันว่า การฟ้องร้องนี้มีแนวโน้มล้มเหลวสูงมาก ศาสตราจารย์ ทอม กินสเบิร์ก อาจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ระบุว่า รัฐบาลจีนมีอำนาจอธิปไตยเป็นเหมือนภูมิคุ้มกันอยู่ไม่ให้ถูกฟ้องร้องโดยศาลสหรัฐ และเชื่อว่าการดำเนินการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองภายในประเทศมากกว่าอย่างอื่น
ในขณะที่ศาสตราจารย์ ชิมีเน คีทเนอร์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เฮสติงส์ ระบุว่า ศาลสหรัฐไม่มีอำนาจศาลในการพิจารณาคดีกล่าวหาดังกล่าว หากสหรัฐอเมริกาต้องการฟ้องร้องจริงๆ ต้องไปดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศเท่านั้น
