เมื่อวันที่ 25 เมษายน เว็บยาฮู อ้างหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โพสต์ รายงานว่า แองจี้ หว่อง หญิงชาวแมนฮัตตัน เปิดเผยว่า เธอรู้สึกตกใจ เมื่อพบว่าผู้โดยสารบนเครื่องบินสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์เที่ยวบิน 2669 จากไมอามี ไปยังสนามบินลากวาเดีย นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธที่ 22 เมษายน ซึ่งมีผู้โดยสารอยู่เกือบเต็มลำราว 80-90 % แต่มีผู้โดยสารครึ่งหนึ่ง ไม่สวมหน้ากากอนามัย
แองจี้ หว่อง ซึ่งอ้างว่าเธอเองสวมทั้งหน้ากากอนามัย เฟซ ชิลด์ ถุงมือ รู้สึกตกใจ และประหลาดใจกับภาพที่เห็น
“ฉันสามารถพูดได้เลยว่า ผู้โดยสารดูกังวลใจมาก ที่หน้ากากอนามัยไม่ได้อยู่ในหลักปฎิบัติ เมื่อฉันถามเจ้าหน้าที่ว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงในช่วงเวลาที่การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นเรื่องที่ถูกขอร้องให้ปฎิบัติ ฉันได้รับคำตอบว่า เราไม่สามารถทำอะไรได้ และเจ้าหน้าที่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์ 800 ให้ฉันโทรศัพท์ไปขอเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินใหม่ ”
ข่าวระบุว่า ข่าวนี้ถูกเปิดเผยขณะที่สหภาพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา เรียกร้องไปยังกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา กำหนดให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินพาณิชย์ต้องสวมหน้ากาก
ข่าวอ้าง ซารา เนลสัน ประธานสมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือ CWA ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจาก 20 สายการบิน แต่ไม่ใช่สายการบินสัญชาติอเมริกัน เขียนจดหมายถึงเลขานุการกระทรวงคมนาคมว่า หน้ากากเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสวมระหว่างอยู่บนเครื่องบิน และในสนามบิน ตราบเท่าที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชน
“ผู้โดยสารบนระบบขนส่งทุกรูปแบบควรได้รับการสนับสนุนให้สวมหน้ากากในระยะเวลาอันสั้นนี้ และควรได้รับบรรจุในระเบียบคำสั่งในข้อกำหนดฉุกเฉินทันทีที่ทำได้ สิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับตัวพวกเขาเอง และพนักงานในระบบขนส่งสาธารณะที่พวกเขาใช้บริการ และระบบดูแลสธารณสุขพื้นฐานของเราซึ่งต้องรับมือกับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ถ้าหากเราไม่ควบคุมการแพร่ระบาด”
