เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เหตุการณ์สุดเศร้าสะเทือนใจกรณีแพทย์หญิงประจำแผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก่อเหตุฆ่าตัวตายที่บ้านพักเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางครอบครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจและคณะแพทย์ชี้ถึงสาเหตุการกระทำอัตวินิบาตกรรมของแพทย์หญิงรายดังกล่าวว่าน่าจะมาจากความบอบช้ำทางจิตใจที่แพทย์หญิงรายนี้ต้องเผชิญร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ในการรับมือต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงถึงกรณีนี้ว่า แพทย์หญิงลอร์นา บรีน อายุ 49 ปี เสียชีวิตลงจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นโดยตัวเอง ที่บ้านพักของครอบครัวในเมืองชาร์ล็อตส์วิล รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่นายฟิลิป บรีน พ่อของแพทย์หญิงบรีน ให้สัมภาษณ์กับเดอะ นิวยอร์กไทม์ส ว่า เธอพยายามที่จะทำงานของเธอและมันก็ฆ่าเธอ และว่า ลูกสาวไม่มีประวัติเจ็บป่วยทางจิตใจ แต่เธอติดเชื้อไวรัสโคโรนาก่อนที่จะกลับไปทำงานแล้วถูกส่งตัวกลับมาบ้านอีก
ราแชล แบรคนีย์ ผู้บังคับการตำรวจเมืองชาร์ล็อตส์วิลกล่าวว่า ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นแนวหน้าในการต่อสู้กับโรคระบาด ไม่ได้มีภูมิคุ้มกันผลกระทบที่จะมีต่อสภาพจิตใจและร่างกายจากเหตุแพร่ระบาดหนักของโรคในขณะนี้
ด้านโรงพยาบาลนิวยอร์ก-เพรสไบทีเรียน อัลเลน ยกย่องแพทย์หญิงบรีนว่าเป็นฮีโร่ผู้นำอุดมการณ์สูงสุดทางการแพทย์มาต่อสู้กับความท้าทายที่แผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉินต้องเผชิญ
ทั้งนี้แพทย์หญิงบรีนเป็นแพทย์ปฏิบัติงานในแผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลนิวยอร์ก-เพรสไบทีเรียน อัลเลน ในเขตแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ซึ่งกำลังรับมืออย่างหนักกับการทะลักเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมากของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่คร่าชีวิตคนในรัฐนิวยอร์กไปแล้วมากกว่า 17,300 ราย ขณะที่สหรัฐ เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยมีผู้เสียชีวิตรวมแล้วกว่า 59,266 ราย และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งเกินกว่า 1 ล้านรายแล้ว
