ยอดผู้เสียชีวิตเนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ในอังกฤษที่มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 26,000 คน ส่งผลให้อังกฤษกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในทวีปยุโรป จากที่เคยอยู่ในอันดับ 4 เมื่อเพียง 1 วันก่อนหน้านี้
ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดในอังกฤษอยู่ที่ 26,097 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตใน 24 ชั่วโมงเพิ่มขึ้น 765 ราย ในยุโรปถือเป็นรองเพียงอิตาลีที่มีผู้เสียชีวิต 27,682 ราย ส่วนประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับสามคือสเปน 24,275 ทั้งนี้จำนวนผู้เสียชีวิตของอังกฤษที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเพราะมีการนำเอาตัวเลขผู้ที่เสียชีวิตนอกโรงพยาบาลมารวมด้วยเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ดีตัวเลขผู้เสียชีวิตในอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้นมารั้งอันดับ 2 แซงหน้าสเปนและฝรั่งเศส ทำให้มีการตั้งคำถามถึงการวางมาตรการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาของรัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งหายจากการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากติดโควิด-19 ซึ่งเคยปฏิเสธมาตรการปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเมื่อเห็นตัวเลขคาดการณ์ผู้เสียชีวิตว่าอาจพุ่งสูงถึง 250,000 ราย
นายโดมินิค ราบบ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า เราต้องไม่ลืมความจริงที่ว่าเบื้องหลังสถิติข้อมูลต่างๆ คือชีวิตของผู้คนจำนวนมากที่ต้องสูญเสียไปก่อนวัยอันควร ขณะนี้อังกฤษยังคงอยู่ระหว่างการผ่านช่วงเวลาของการแพร่ระบาดที่หนักที่สุด ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนและอันตรายในวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้
