เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการสิงคโปร์ประกาศจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะเป็นย่างก้าวแรกของการกลับมาเปิดภาคเศรษฐกิจของสิงคโปร์ โดยกิจกรรมภาคธุรกิจในครัวเรือน เช่นร้านซักรีดและร้านตัดผม จะอนุญาตให้กลับมาเปิดบริการได้ในวันที่ 12 พฤษภาคม ขณะที่โรงเรียนจะกลับมาเปิดเรียนแบบกลุ่มย่อยได้ในวันที่ 19 พฤษภาคม ส่วนบริษัทธุรกิจต่างๆ จะทยอยกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามลำดับโดยพิจารณาจากความสำคัญในทางเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทาน และมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดการติดต่อแพร่เชื้อ โดยกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ชี้ว่า สิงคโปร์กำลังเตรียมที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและชุมชนตามลำดับ หลังจากสิ้นสุดช่วงเวลาของการบังคับใช้มาตรการตัดวงจรเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้แล้ว
ทั้งนี้สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในชาติที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในเอเชีย โดยพบการติดต่อแพร่เชื้อส่วนใหญ่ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ล่าสุด สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันที่ 2 พฤษภาคม เพิ่มขึ้นอีก 447 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเป็น 17,548 ราย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวในหอพักคนงานหลายแห่งที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่กักโรค ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 16 ราย
ด้านทางการมาเลเซียเร่งกวาดจับผู้อพยพที่ไม่มีใบอนุญาตซึ่งเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียได้ทำการจับกุมผู้อพยพกลุ่มนี้ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปจำนวนหลายร้อยคนเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิระบุว่ามีมากกว่า 700 คน ซึ่งรวมถึงเด็กวัยรุ่นและผู้อพยพชาวโรฮีนจาจากเมียนมา
ด้านผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียชี้ว่าปฏิบัติการจับกุมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายเดินทางข้ามไปยังพื้นที่อื่นของประเทศที่มีความเสี่ยงจะทำให้มีการแพร่ระบาดของโรคและยากที่จะติดตามรอยโรคได้ สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมดได้ถูกนำตัวไปไว้ยังสถานที่เดียวกันเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ จนกว่ามาตรการจำกัดการเคลื่อนไหวจะถูกยกเลิก ล่าสุด มาเลเซียมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 6,071 ราย และเสียชีวิต 103 ราย
