เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศขยายเวลาประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม หลังจากได้รับเสียงทักท้วงจากคณะที่ปรึกษาว่ายังเร็วเกินไปที่ญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่ทำให้ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 15,913 ราย และมีผู้เสียชีวิต 542 ราย
นายอาเบะแถลงภายหลังประชุมหารือกับคณะทำงานกำกับดูแลสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า คณะที่ปรึกษาชี้ว่าแม้ญี่ปุ่นจะยังไม่เห็นการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นจำนวนมากเหมือนในบางประเทศ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ลดลงมากพอในระดับที่คาดหวังไว้และระบบสาธารณสุขในหลายพื้นที่ของประเทศยังเผชิญกับความตึงเครียดในการรับมือกับการระบาดของโรคอยู่ จากความเห็นนี้ตนจึงตัดสินใจขยายเวลาประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน ออกไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งจะมีผลครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศเช่นเดิม โดยใน 13 จังหวัด ซึ่งรวมถึงกรุงโตเกียวและโอซาก้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดหนัก ยังคงตั้งเป้าให้มีการลดการติดต่อสัมผัสระหว่างบุคคลให้ได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ต่อไป
อย่างไรก็ตามนายอาเบะกล่าวด้วยว่าอาจจะพิจารณายกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปก่อนวันที่ 31 พฤษภาคมได้ซึ่งขึ้นอยู่การตัดสินใจที่เป็นไปได้ดังกล่าวของคณะผู้เชี่ยวชาญที่ตั้งอยู่บนฐานการวิเคราะห์ข้อมูลแนวโน้มสถานการณ์ระบาดในภูมิภาคต่างๆของประเทศแล้ว
