สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวลงสู่แดนลบเป็นส่วนใหญ่เมื่อ 7 พฤษภาคมนี้ หลังจากข้อมูลแสดงสภาวะเศรษฐกิจ สะท้อนสถานการณ์ตามความเป็นจริงให้เห็นว่าผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 นั้นหนักหน่วงต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมทั้งการที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนก็ย่ำแย่ลง จนความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ทวีสูงขึ้น กลายเป็นปัจจัยลบกลบความคาดหวังในทางที่ดีจากการเปิดเมือง เริ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศไปจนหมด
ตัวเลขเศรษฐกิจตั้งแต่ประมาณการการขยายตัวจีดีพีอังกฤษของธนาคารกลางแห่งอังกฤษ (บีโออี) เรื่อยมาจนถึงข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาของ เอดีพี บริษัทวิเคราะห์การจ้างงาน ที่แสดงให้เห็นว่า ภาคเอกชนของสหรับอเมริกาโละตำแหน่งงานทิ้งไปมากถึง 20.2 ล้านตำแหน่ง ในขณะที่สถิติทางเศรษฐกิจของจีนแม้ว่าการส่งออกจะดีขึ้นเกินคาดแต่ภาคการบริการก็ยังคงทรุดต่อเนื่องสู่แดนลบ แสดงให้เห็นถึงความยุ่งยากในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากภาวะตกต่ำสุดก่อนหน้านี้
ดัชนีหั่งเส็งของฮ่องกงปิดตลาดลดลง 0.7 เปอร์เซ็นต์ ตลาดเซี่ยงไฮ้ก็ลดลงเล็กน้อย 0.2 เปอร์เซ็นต์ ตลาดมุมไบของอินเดียลบ 0.9 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับซิดนีย์ 0.4 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ตลาดโซล เกาหลีใต้ ไม่เปลี่ยนแปลง ที่สวนทางกับตลาดส่วนใหญ่ชัดเจนก็คือ ตลาดโตเกียวที่เปิดขายวันแรกหลังหยุดต่อเนื่องปิดบวก 0.3 เปอร์เซ็นต์
ราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันในเอเชียเมื่่อ 7 พฤษภาคมนี้ก็อ่อนตัวลงเล็กน้อย โดยน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอ ลดลง 0.7 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 23.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน เบรนท์ ลดลง 1.1 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 29.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
