หลังความพยายามในการก่อรัฐประหารที่ล้มเหลวเมื่อค่ำวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดนายเรชิป เตยิป แอร์ดวน ประธานาธิบดีตุรกีประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน หลังการหารือร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีในกรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกี
ทั้งนี้ แอร์ดวนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงอังการา โดยเขาย้ำว่าจะต้องกำจัดเชื้อร้ายในกองทัพให้หมดสิ้นไป พร้อมยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้เป็นการละเมิดประชาธิปไตย การบังคับใช้กฎหมาย หรือเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้คาดว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าวก็เพื่อต้องการขยายเวลาในการควบคุมผู้คนเกือบ 1,000 คนที่รัฐบาลจับกุมไว้หลังรัฐประหารล้มเหลว
แอร์ดวนยังยกย่องผู้ที่เสียชีวิตขณะที่ต่อสู้เพื่อต่อต้านการรัฐประหารว่าเป็นผู้สละชีพเพื่อความเชื่ออันสูงส่ง ทั้งนี้ตัวเลขของรัฐบาลระบุว่าผู้ที่เสียชีวิตขณะต่อต้านความพยายามในการก่อการรัฐประหารอยู่ที่ 246 คน
ก่อนหน้านี้แอร์ดวนเตือนว่าจะมีการจับกุมบุคคลต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ทางการตุรกียังคงเดินหน้ากวาดล้างผู้ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความพยายามในการก่อรัฐประหารครั้งนี้ แม้ว่าจะมีการไล่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกไปแล้วมากกว่า 50,000 ราย และปิดโรงเรียนไปแล้วมากกว่า 600 แห่งก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อหากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพอีก 99 นายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับการกวาดล้างบุคลากรในมหาวิทยาลัยและโรงเรียน ห้ามการเดินทางสำหรับนักวิชาการ ล่าสุดรัฐบาลยังได้ถอนใบ อนุญาตกับผู้สื่อข่าว 34 รายในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายเฟตุลเลาะห์ กุยเลน ซึ่งรัฐบาลกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังความพยายามในการก่อเหตุรัฐประหารครั้งนี้
