เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากพรรคฝ่ายค้านที่ประสานเสียงเรียกร้องให้นายจอห์นสัน สั่งปลดนายโดมินิก คัมมิงส์ ที่ปรึกษาพิเศษของนายกรัฐมนตรีอังกฤษออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่านายคัมมิงส์ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ด้วยการเดินทางออกจากบ้านพักในกรุงลอนดอนไปในระยะทางไกลถึง 400 กม.ในขณะที่ตนเองยังมีอาการป่วยของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน และ เดอะ มิร์เรอร์ สื่ออังกฤษรายงานอ้างว่า นายคัมมิงส์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางแผนรณรงค์ให้อังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) หรือ เบร็กซิท ในระหว่างที่มีการทำประชามติในเรื่องนี้ช่วงปี 2016 ได้เดินทางออกจากกรุงลอนดอนไปยังเมืองเดอรัม ทางตอนเหนือของอังกฤษ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว
บรรณาธิการข่าวการเมืองของบีบีซีอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดนายคัมมิงส์รายหนึ่งเปิดเผยว่า นายคัมมิงส์เดินทางไปยังเมืองเดอรัมในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ เพราะเขาต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่ให้ช่วยดูแลลูกของเขาให้ในขณะที่เขาป่วยอยู่
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอังกฤษรายนี้ยังไม่ให้ความเห็นใดๆกับรอยเตอร์
ขณะที่นายเอียน แบล็กฟอร์ด หัวหน้าพรรคสก๊อตทิช เนชั่นแนล เรียกร้องให้นายคัมมิงส์ลาออก โดยกล่าวว่านายคัมมิงส์ควรทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยการลาออก แต่เขาไม่ทำ ดังนั้นบอริส จอห์นสัน จะต้องแสดงภาวะผู้นำด้วยการปลดนายคัมมิงส์ออกจากตำแหน่งในทันที
ด้านพรรคแรงงานชี้ว่าหากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ก็ถือว่านายคัมมิงส์ฝ่าฝืนล็อกดาวน์ ซึ่งทำเนียบนายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงการกระทำครั้งนี้ของนายคัมมิงส์ ส่วนพรรคเสรีประชาธิปไตยชี้ว่าหากนายคัมมิงส์ฝ่าฝืนแนวทางปฏิบัติ เขาก็ควรลาออกไป
ล่าสุดโฆษกทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงว่า นายคัมมิงส์ไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ โดยชี้ว่าจากการที่ภรรยาของนายคัมมิงส์ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และมีความเป็นไปได้สูงว่าตัวเขาเองก็จะป่วยไปด้วย จึงถือเป็นความจำเป็นที่นายคัมมิงส์จะต้องแน่ใจว่าลูกของเขาจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การกระทำดังกล่าวของนายคัมมิงส์จึงถือว่าเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติในการรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุใหม่ ซึ่งเขาเชื่อว่าตัวเขากระทำอย่างสมเหตุสมผลและถูกต้องตามกฎหมาย
