สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น เผยมีไวรัสจากค้างคาวทำวิจัยจริง แต่ไม่ใช่เชื้อโควิด-19

Blood samples from coronavirus patients are prepared for analysis as part of the TACTIC-R trial, in the Blood Processing Lab in the Cambridge Institute of Therapeutic Immunology and Infectious Disease, in Cambridge, England on May 21, 2020, during the novel coronavirus COVID-19 pandemic. - The new trial known as TACTIC-R is testing whether existing drugs will help prevent the body's immune system from overreacting, which scientists hope could prevent organ failure and death in COVID-19 patients. (Photo by Kirsty Wigglesworth / POOL / AFP)

สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น เผยมีไวรัสจากค้างคาวทำวิจัยจริง แต่ไม่ใช่เชื้อโควิด-19

สถานีโทรทัศน์ซีอีทีเอ็น สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของจีนรายงานเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา อ้างผู้อำนวยการสถาบันไวรัสวิทยาในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่ออกมาเปิดเผยว่าสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น มีไวรัสจากค้างคาวอยู่ในครอบครอง 3 ชนิด แต่ไม่มีชนิดใดที่เป็นชนิดเดียวกันกับเชื้อไวรัสซาร์ส โคฟ-2 ที่ส่งผลให้โรคโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลกในเวลานี้

บทสัมภาษณ์หวัง หยางอี้ ผอ.สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ที่สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม แต่มาออกอากาศเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ระบุว่าไวรัสทั้ง 3 ชนิดสถาบันเก็บตัวอย่างจากค้างคาวและมีความคลายคลึงไวรัสซาร์ส โคฟ-2 เพียง 79.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น พร้อมทั้งระบุว่าข้อกล่าวหาของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่าเชื้อไวรัสอาจหลุดลอดออกมาจากห้องแล็บในอู่ฮั่นนั้นเป็นการใส่ร้ายทั้งสิ้น

รายงานระบุว่า หนึ่งในทีมวิจัยที่แล็บดังกล่าวอย่างศาสตราจารย์ ชิ เฉิงลี่ เป็นผู้ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัสในค้างคาวมาตั้งแต่ปี 2004 เพื่อศึกษาหาต้นตอของเชื้อไวรัสโรคซารส์ เชื้อไวรัสที่อยู่เบื้องหลังไวรัสซาร์สที่แพร่ระบาดเมื่อราว 20 ปีก่อน

โดยแล็บสถาบันไวรัสวิทยาระบุว่า ได้รับตัวอย่างไวรัสโควิด-19 ที่ในเวลานั้นยังไม่ทราบชนิดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม โดยสามารถแยกลำดับจีโนมของไวรัสดังกล่าวได้ในวันที่ 2 มกราคม และส่งข้อมูลการแพร่ระบาดให้กับองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 11 มกราคม โดยยืนยันว่าก่อนหน้านั้นไม่เคยพบไวรัสชนิดดังกล่าวมาก่อน

Advertisement

ทั้งนี้ เกิดข่าวลือทฤษฎีสมคบคิดว่าห้องแล็บทดลองในเมืองอู่ฮั่นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไปทั่วโลก ไวรัสซึ่งคร่าชีวิตคนไปแล้วกว่า 340,000 คน ในเวลานี้ ก่อนที่ทรัมป์และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะนำเรื่องดังกล่าวมาพูดจนกลายเป็นกระแสข่าวในสื่อหลัก โดยอ้างว่ามีหลักฐานว่าการแพร่ระบาดนั้นมาจากห้องแล็บดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image