เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลฮ่องกงออกโรงเตือนสหรัฐอเมริกาที่เพิกถอนสถานะพิเศษของฮ่องกงภายใต้กฎหมายสหรัฐไปว่าอาจกลายเป็น “ดาบสองคม” ที่กลับมาทิ่มแทงสหรัฐเองได้ พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐเลิกแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง
“การคว่ำบาตรใดๆ ถือเป็นดาบสองคมที่ไม่เพียงทำลายผลประโยชน์ของฮ่องกงเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์สำคัญของสหรัฐด้วย” ถ้อยแถลงของรัฐบาลฮ่องกงออกเมื่อคืนวันที่ 28 พฤษภาคมระบุ พร้อมชี้ด้วยว่า จากปี 2009-2018 สหรัฐได้ดุลการค้าฮ่องกงมากที่สุดในบรรดาหุ้นส่วนทางการค้าทั้งหมด มีมูลค่าการค้าทั้งสิ้น 297,000 ล้านดอลลาร์ และยังมีบริษัทสหรัฐที่ตั้งอยู่ในฮ่องกงมาถถึง 1,300 แห่ง
คำเตือนของฮ่องกงมีขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิกถอนสถานะพิเศษของฮ่องกง เพื่อตอบโต้ที่จีนอนุมัติร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของฮ่องกง ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกงและชาติตะวันตกหวั่นเกรงว่าจะเป็นสิ่งลิดรอนสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง ที่เป็นเขตกึ่งปกครองตนเองภายใต้อาณัติจีน
ขณะที่แถลงการณ์แยกของนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ตีพิมพ์ในสื่อท้องถิ่นฮ่องกงหลายฉบับในวันศุกร์(29 พ.ค.)นี้ ร้องขอให้ชาวฮ่องกงจับมือกันในการไล่ตามฝันขณะละวางความแบ่งแยกแตกต่างที่มีอยู่ และว่า กฎหมายความมั่นคงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะมีภัยคุกคามจากการก่อการร้าย มีองค์กรที่สนับสนุนเอกราชและอำนาจการตัดสินใจอย่างอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายอำนาจรัฐของปักกิ่งและรัฐบาลท้องถิ่น และยังขอให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง
