เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เหตุการณ์ประท้วงรุนแรงเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวใช้กำลังเกินกว่าเหตุขณะเข้าจับกุมจนเสียชีวิต ได้ลุกลามขยายวงไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ศุกร์(29 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการประท้วง แม้นายเดเร็ก โชวิน ตำรวจผิวขาวผู้ก่อเหตุซึ่งถูกไล่ออกจากราชการไปเป็นที่เรียบร้อย จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรมแล้วก็ตาม
ข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคืนที่ 4 ในเมืองมินนิแอโปลิส รัฐมินนิโซตา ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุนายโชวิน ตำรวจผิวขาวได้ใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์ ผู้ต้องสงสัยใช้ธนบัตรปลอมขณะเข้าจับกุมจนทำให้เสียชีวิต แม้เจ้าตัวจะร้องขอชีวิตด้วยการบอกว่า “ผมหายใจไม่ออก” ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา และได้ปลุกกระแสต่อต้านการเหยียดผิวขึ้นในประเทศที่กลายเป็นเหตุจลาจลรุนแรงในหลายพื้นที่ขึ้นตามมาจากนครนิวยอร์ก ลามไปถึงนครลอสแองเจลิส ที่อยู่อีกฝั่งประเทศ นับเป็นหนึ่งในค่ำคืนของเหตุการณ์ชาวอเมริกันก่อความไม่สงบรุนแรงครั้งเลวร้ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย รถลาดตระเวณของตำวรจถูกผู้ประท้วงจุดไฟเผาทำลาย ส่วนที่กรุงวอชิงตัน กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการอย่างหนักขณะชุมนุมประท้วงกันอยู่หน้าทำเนียบขาว
ข่าวแจ้งว่า นายโชวิน ตำรวจผิวขาวผู้ก่อเหตุ ที่ถูกไล่ออกจากราชการพร้อมเพื่อนตำรวจที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์อีก 3 นาย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดีแล้วในข้อหาฆาตกรรมโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท ขณะที่ทางการรัฐมินนิโซตาได้ประกาศภาวะเคอร์ฟิวในวันดังกล่าวนี้ด้วย หลังจากส่งทหารกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติหลายร้อยนายเข้าสมทบกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในรัฐมินนิโซตา หลังกลุ่มผู้ประท้วงออกมาชุมนุมก่อความรุนแรงตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงการจุดไฟเผาสถานีตำรวจ
อย่างไรก็ตามข่าวการจับกุมดำเนินคดีนายตำรวจผิวขาวผู้ฆ่าชายชาวอเมริกันผิวดำที่ไร้ซึ่งอาวุธครั้งนี้ ก็ยังไม่ได้ช่วยดับกระแสโกรธแค้นของกลุ่มผู้ประท้วงทั่วประเทศสหรัฐลงได้ โดยยังคงออกมาชุมนุมต่อต้านการเหยียดผิวที่เป็นปมปัญหาฝังลึกอยู่ในสังคมอเมริกันมานาน