สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอเมริกาประกาศเคอร์ฟิวในหลายเมือง หลังการชุมนุมประท้วงการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ต่อคนผิวสี เริ่มลุกลามไปใหญ่โต และยังคงมีต่อเนื่องเป็นคืนที่ 5 ในเมืองมินนีแอโพลิส ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุประท้วงครั้งนี้ โดยไม่สนใจคำขู่ของประธานาธิบดีสหรัฐที่ประกาศหยุดยั้งม็อบเหล่านี้ในทันที
ข่าวระบุว่า ที่เมืองมินนีแอโพลิส เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตา และปาระเบิดมือใส่ผู้ประท้วงที่ออกมาประท้วงเนื่องจากไม่พอใจต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ต่อนายจอน์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่ไร้อาวุธ แต่ถูกตำรวจควบคุมตัว ก่อนจะใช้เข่าล็อกคอของนายฟลอยด์เอาไว้ จนหมดลมหายใจ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา
มีรายงานว่า ที่นครลอสแองเจลิส ชิคาโก และแอตแลนตา เป็นส่วนหนึ่งของกว่า 20 เมืองทั่วสหรัฐ ที่ประกาศเคอร์ฟิว กำหนดให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัย ขณะที่อีกหลายรัฐได้มีการร้องขอให้เจ้าหน้าที่ทหารออกมาช่วยควบคุมฝูงชนที่ก่อเหตุจลาจลตามท้องถนน ซึ่งเป็นเหตุที่ไม่เกิดขึ้นให้เห็นในสหรับมานานหลายปี
ที่เมืองซีแอตเติล ไปจนถึงนิวยอร์ก มีรายงาานผุ้ประท้วงหลายหมื่นคนออกมาประท้วงตามท้องถนน เพื่อเรียกร้องให้มีการตั้งข้อหาที่รุนแรงกว่านี้ต่อผู้ที่ทำให้ฟลอยด์ตาย และเรียกร้องให้มีการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม โดยที่ลอสแองเจจิล ตำรวจได้ยิงกระสุนยางใส่ผู้ประท้วง และใช้ไม้กระบอกในการสกัดผู้ประท้วงที่พยายามจะจุดไฟเผารถของตำรวจ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงในหลายเมือง ทั้งชิคาโก นิวยอร์ก โดยมีการยิงสเปรย์พริกไทยใส่ผู้ประท้วง
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ออกมาประกาศจะไม่ยอมให้กลุ่มคนเล็กๆออกมาทำลายบ้านเมือง และประกาศจะหยุดยั้งม็อบที่ก่อเหตุรุนแรง โดยบอกว่า จะหยุดยั้งในทันที
